โดยฉากนี้ 2 โปรดิวเซอร์ วิทยา ศุภพรโอภาส และ สง่า ฉัตรชัยรุ่งเรือง เนรมิตฉากบรรยากาศงานวัดขึ้นอย่างอลังการสมจริง ที่วัดน้อย หลวงพ่อเนียม จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีเครื่องเล่นครบครัน ทั้งชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ซุ้มยิงปืน ปาเป้า และซุ้มบันเทิงต่างๆ ที่เหล่านักร้องซุปตาร์ลูกทุ่งของเราช่วยกันตกแต่งประดับประดาจัดขึ้นมาเพื่อหาเงินทำบุญเข้าวัด แต่ละคนต้องทิ้งมาดนักร้องงัดความถนัดของตนขนมาช่วยกันหาเงินอย่างแข็งขัน แต่แล้วบรรยากาศแห่งความสนุกก็กลายเป็นความโกลาหล เมื่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างหมวดยิ่งยงสืบรู้ว่ามีอดีตคู่อริเก่าแฝงตัวอยู่ภายในงาน เพื่อมาสร้างความปั่นป่วนไม่ให้คนลูกทุ่งทำภารกิจหาเงินล้านสำเร็จ ซึ่งจอมโจรผู้โหดร้ายคนนี่ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน แต่เป็น “เอกชัย ศรีวิชัย” ที่มารับบทเป็น “จอมโจรพันหน้า” นั่นเอง
โดยบรรยากาศการถ่ายทำฉากนี้เรียกว่าทำเอาคนทั้งกองถ่ายฮาจนน้ำตาไหล ทั้งที่เป็นฉากแอ็คชั่นโดยแท้ แต่เพราะความที่ทั้งหมวดยิ่งยง และจอมโจรพันหน้าอย่างเอกชัย ศรีวิชัย มีลีลาเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร ใช้ลูกล่อลูกชนมาปะทะกันอย่างเมามัน ทั้งลีลาการปะทะด้วยคำพูด และท่าทางการต่อสู้ ที่เรียกได้ว่าทั้งฮา ทั้งลุ้นไปด้วย ซึ่งการถ่ายทำเริ่มต้นจากซุ้มปาเป้า โดยหมวดยิ่งยงได้ทีกระโดดข้ามบาร์ซุ้มปาเป้า ใช้ปืนจี้ โจรพันหน้าทันที ก่อนจะเสียท่าให้โจรพันหน้าใช้ท่าเตะหัวจระเข้ฟาดหาง จนปืนกระเด็น และได้ทีวิ่งหนีไปที่ซุ้มยิงปืน ก่อนที่หมวดยิ่งยงจะตามไปกระหน่ำยิงด้วยปืนลมที่ใช้ในซุ้มยิงปืน ด้านโจรพันหน้าไม่ยอม เขวี้ยงตุ๊กตาใส่หมวดยิ่งยงแบบไม่ยั่งเช่นเดียวกัน จากนั้นวิ่งไปซัดนัวกันต่อบนเครื่องเล่นม้าหมุน ก่อนโจรพันหน้าจะโดนคนลูกทุ่งจับได้ในที่สุดซึ่งกว่าจะผ่านไปได้แต่ละฉากเล่นเอาทั้งตำรวจและโจรถึงกับเหงื่อตก เพราะผู้กำกับกัลป์ สั่งติวเข้มด้วยทีมสตั๊นมืออาชีพก่อนเข้าฉาก เพื่อความปลอดภัยของนักแสดง แต่เมื่อเข้าฉากจริงทั้งหมวดยิ่งยง และโจรพันหน้า เอกชัย ศรีชัย ก็ซัดกันแบบไม่ยั่ง ชนิดที่เล่นจริง เจ็บจริง กันเลยทีเดียว ลองไปฟังความรู้สึกของสองนักแสดงกันดูว่าทำไมฉากแอ็คชั่นถึงได้ทั้งสนุกและดุเด็ดเผ็ดมันส์ได้ขนาดนี้
เริ่มที่ “หมวดยิ่งยง” ของเราก่อนเลย ซึ่งงานนี้ขอโชว์เต็ม แบบโนว์ สแตนด์ อิน จนถึงขั้นเข่าอ่อนกันเลยทีเดียวเพราะต้องโชว์คิวบู๊ ทั้งกระโดด วิ่ง เตะ ต่อย ซึ่งเจ้าตัวให้สัมภาษณ์กับเราถึงฉากนี้ว่า
“ ฉากไล่ล่าอดีตคู่อริเก่าอย่างโจรพันหน้าในงานวัดวันนี้ เป็นอีกหนึ่งฉากที่ต้องใช้พลังอย่างมากสำหรับผม ก็ไม่ต้องพูดนะว่าเพราะอะไร (หัวเราะ) ก็เล่นทั้งวิ่ง กระโดด โลดเต้น เตะ ต่อย สารพัด แถมยังโชว์ควงปืนกระโดดลงจากม้าหมุนด้วย เล่นเอาเข่าอ่อน หมดแรงไปเหมือนกันนะ แต่ก็เป็นฉากที่สนุกและมีสีสันมาก ถึงแม้ตอนแรกผู้กำกับกัลป์จะอยากให้สตั้นแสดงแทนมากกว่า คงคิดว่าเราสูงวัยละสิ เชอะ! (หัวเราะ) แต่ผมอยากเล่นเองมากกว่า แล้วเป็นไงล่ะ กระโดดลงมาปุ๊บขาพลิกเลย แต่ตอนนั้นก็เล่นต่อไปได้นะ ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร แต่พอกลับบ้าน แทบเดินไม่ได้เลย สรุปว่าฉากคิวบู๊นี้ วันนั้น ขาพลิก แขนเดี้ยง แต่ก็ไม่เป็นไรครับ หนังออกมาสนุก ผมก็มีความสุขแล้ว
ด้าน “เอกชัย ศรีวิชัย” ในฐานะจอมโจรที่มีความสามารถในการปลอมแปลงตัวที่เดินเข้ามาร่วมวงด้วยเริ่มต้นบทสนทนากับเราว่า “เอาจริงๆ เล่นยาก เพราะเราไม่ได้เรียนคิวบู๊มาเหมือนยิ่งยง อย่างเขาศึกษามา ต้องมีลีลา ต้องพริ้ว” ยิ่งยงเสริมต่อทันทีว่า “เรื่องคิวบู๊เราก็ศึกษามาตั้งนานแล้ว เพราะเล่นละครเล่นหนังมาเยอะมาก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการกระโดด ตีลังกาเราทำได้ เพราะอายุเรายังน้อย แล้วตัวเราก็ไม่อ้วนเหมือนใครบางคน (หัวเราะ)” ขณะที่เอกชัย ไม่ยอม เสริมต่อทันทีว่า “อีกอย่างที่เล่นยากเพราะไม่สนิทกันด้วย พอไม่สนิทแล้วเล่นยาก เวลาที่เราผิดคิวขึ้นมาเขาก็เจ็บ (หัวเราะ) ” ก่อนที่ยิ่งยงจะสวนกลับมาว่า “ไม่สนิทกันเลยจริงๆ เวลาฉากที่ผมต้องยิงเราก็ยิงแบบเฉียดๆ แต่คุณเอกชัยจับตุ๊กตาได้เขวี้ยงกันแม่นๆ เขวี้ยงกันแบบจริงๆ โดนเบ้าตาจังๆ (หัวเราะ)” ขณะที่เอกชัยไม่ยอม โชว์รอยแผลจากผลงานของเพื่อนสนิท แล้วบอกว่า “ไม่จริง ดูจากรอยแผลนี้ว่าใครทำร้ายใครโดนเต็มๆ เหมือนกัน ซึ่งพี่รู้ว่าเขาจงใจ เพราะผู้กำกับเขาสั่งให้ยิงแบบเฉียดๆ แต่เขาโดน พี่เขวี้ยงตุ๊กตาโดนเข้าเบ้าตาไปหลายดอกแล้วไง เขาก็เลยยิงใส่พี่จริงๆ เลย พี่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกำลังถ่ายอยู่ เราก็ไม่เป็นไร” ยิ่งยงสวนต่อ “แล้วทีคุณละผู้กำกับบอกว่าให้เตะเบาๆ ให้เรารีแอ็คเอา ดันเตะจริงโดนข้อมือไปเต็ม” ดูเหมือนสงครามระหว่างนายตำรวจหนุ่มและโจรพันหน้าจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ถ้าปล่อยให้ทั้งคู่โต้เถียงกันไปมาแบบไม่ยอมกัน จนทำเราท้องคัดท้องแข็งไปกับความสนุกของทั้งคู่ เราจึงตัดบทสนทนาเข้าเรื่องราวของการถ่ายทำวันนี้ โดยยิ่งยง ยอดบัวงาม เป็นคนเริ่มต้นเล่าก่อนว่า
“เอาจริงๆ อย่างผมกับเอกเวลาเล่นกันมันจะสนุกเพราะเราสนิทกัน เราก็จะบอกกันว่าเวลาที่ต้องเข้าฉากบู๊ ต้องเขวี้ยง ก็เขวี้ยงจริงๆ เลยนะ คือมันไม่ได้เจ็บอะไรหรอก เพียงแต่ว่าอยากให้หนังมันออกมาสนุก อยากให้คนดูดูแล้วขำไปกับการแสดงแอ็คชั่นของเราทั้งสองคน”
ขณะที่เอกชัย เสริมต่อว่า “แล้วทำงานสะดวกเพราะมันง่าย เพราะกองถ่ายนี้เขาใช้กล้องถ่ายพร้อมกันทีเดียวเป็นหกเจ็ดตัว เล่นทีเดียวรับต่อเนื่องไม่ต้องรีแอ็คอีก เขาเอากล้องถ่ายรับทุกมุมไปเลย เสร็จเร็วด้วย อยากให้ทุกคนมีโอกาสได้ดูกันเยอะๆ และผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าแฟนๆ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนก็ตาม คำว่าลูกทุ่งเหมือนเป็นเรื่องคู่กายของคนไทยทุกๆ คน ไม่ได้หมายความว่าคนดูลูกทุ่งแล้วจะเป็นคนไม่ทันสมัย ผมว่าวันเวลาก็เปลี่ยนไปแล้ว วงการลูกทุ่งเองก็มีการพัฒนาขึ้น ”
ติดตามร่วมลุ้นไปกับการไล่ล่าตามจับโจรพันหน้าของ “หมวดยิ่งยง” ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ได้ในภาพยนตร์เรื่อง “รวมพลคนลูกทุ่งเงินล้าน” 28 พฤศจิกายน 2556 นี้ทุกโรงภาพยนตร์ ทั่วประเทศ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit