นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษไทย กล่าวว่า “ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมกระดาษได้รับผลกระทบจากการนำเข้ากระดาษมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดถ่ายเอกสารที่มีการแข่งขันที่รุนแรงมาก และสมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกซึ่งเป็นผู้ผลิตกระดาษถ่ายเอกสารว่า ตรวจพบการนำเข้ากระดาษถ่ายเอกสารที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติด้วยราคาการนำเข้าที่ต่ำมากอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อปริมาณการขาย ปริมาณการผลิต และปริมาณสินค้าคงเหลือของผู้ผลิตกระดาษในประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์การนำเข้ากระดาษถ่ายเอกสารเป็นเช่นนี้ต่อไป จะส่งผลให้ผู้ผลิตกระดาษในประเทศไม่สามารถอยู่รอดต่อไปได้ และย่อมส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมฯ ทั้งในระดับต้นน้ำและระดับปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่การปลูกไม้ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยูคาลิปตัสประมาณ 158,000 ครัวเรือน การผลิตเยื่อกระดาษ กระดาษถ่ายเอกสาร ตลอดถึงการจ้างงานและรายได้จากการขนส่ง และหากไม่มีการดำเนินการใดๆ เป็นไปได้ว่าการแข่งขันรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาจส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมกระดาษพิมพ์เขียนในภาพรวมซึ่งมีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องทำให้อุตสาหกรรมของประเทศอยู่รอด เพื่อให้เกิดรายได้ การจ้างงาน และสวัสดิภาพของคนในประเทศโดยรวมตลอดช่วงสายการผลิต”
“สมาคมอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษไทย จึงได้หารือกับกลุ่มต่างๆ ภายในสภาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทาน และมีมติสมาคมฯ ให้นำเสนอและยื่นหนังสือคำร้องต่อรัฐบาลผ่านทางสำนักปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ช่วยดำเนินการเรื่องมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้ากระดาษถ่ายเอกสารที่เพิ่มขึ้นหรือ Safeguard ให้กับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมฯ ส่วนผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนและมาตรการของภาครัฐต่อไป” นายมนตรีกล่าวเพิ่มเติม
ปัจจุบันตลาดกระดาษถ่ายเอกสารในประเทศมีปริมาณความต้องการรวมประมาณ 230,000 ตันต่อปี มูลค่าตลาดรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท เดิมกระดาษถ่ายเอกสารมีปริมาณนำเข้าประมาณ 1,000 ตันต่อเดือน แต่ปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นจำนวนเฉลี่ยประมาณ 4,000 ตันต่อเดือน และเคยสูงสุดถึง 6,000 ตันต่อเดือน ซึ่งคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 600% ในขณะที่ปริมาณความต้องการกระดาษถ่ายเอกสารอยู่ที่ประมาณ 19,000 ตันต่อเดือน หรือหากคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดของสินค้านำเข้าแล้วจะพบว่าจากเดิมมีส่วนแบ่ง 5% ได้เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 30% ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้มีการนำเข้ากระดาษถ่ายเอกสารในจำนวนมากคือ กำลังการผลิตเกินปริมาณความต้องการและการถูกกีดกันทางการค้าจากประเทศอื่นๆ เช่นการฟ้อง Anti-Dumping ของประเทศออสเตรเลีย ประกอบกับประเทศไทยมีภาษีนำเข้ากระดาษเป็นร้อยละ 0 ขณะที่ประเทศอื่นในอาเซียนยังมีภาษีนำเข้ากระดาษถ่ายเอกสารอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3-20 ทำให้ปริมาณการผลิตส่วนเกินส่งออกมายังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit