รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานประประธานมูลนิธิ อ.สุกรี เจริญสุข กล่าวว่า โครงการดนตรีดนตรีคลาสสิกเพื่อสังคม เป็นโครงการแสดงดนตรีของเยาวชนนักดนตรีวงดร.แซ็กเชมเบอร์ออร์เคสตร้า และเยาวชนในโครงการพัฒนาวงดนตรีต้นแบบนำร่องของมูลนิธิ ซึ่งแต่ละปีจัดขึ้นไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง โดยไปแสดงดนตรีตามสถานที่ต่างๆ เช่น สถานสงเคราะห์เด็กและคนชรา สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นต้น เพื่อหวังให้กลุ่มคน ด้อยโอกาสทางสังคมเหล่านี้ได้ชื่นชมได้สัมผัสดนตรีดีๆ ได้เติมเต็มความสุขให้กับชีวิตผ่านเสียงดนตรีคลาสสิก อีกทั้งนักดนตรีจะได้ตระหนักถึงคุณค่าของตัวเองในการทำประโยชน์ให้กับสังคม และนี่ถือเป็นภารกิจสำคัญของมูลนิธิ ซึ่งมีหน้าที่ ในการนำเสนอดนตรีที่ดีให้กับสังคม โดยเฉพาะกลุ่มคนด้อยโอกาส
“ชีวิตผมเป็นเด็กบ้านนอก เป็นผู้ที่ไม่มีโอกาสมาก่อน ผมจึงอยากช่วยเหลือเด็กที่ด้อยโอกาส ให้เขาได้รับสิ่งดีๆ อย่างโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เขาเหล่านี้มีความฝันไม่ต่างจากเด็กทั่วไป บางคนอาจจะชอบดนตรีแต่ไม่มีโอกาสได้ชื่นชมสัมผัสดนตรีที่ดีๆ มูลนิธิจึงทำหน้าที่ในการเติมเต็มและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆเหล่านี้และช่วยต่อเติมพลังให้พวกเขาได้ก้าวเดินบนเส้นทางสายฝันอย่างมั่นใจ ขณะเดียวกันรูปแบบที่สลับซับซ้อนของดนตรีคลาสสิก ยังสร้างสมาธิ สร้างจินตนาการ และช่วยพัฒนาด้านอารมณ์ สติปัญญาให้กับเด็กทั่วไปที่ได้รับฟังดนตรีคลาสสิกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย” อ.สุกรี กล่าว
นางอรุณีย์ บุญโย หรือแม่ณีย์ ของเด็กๆ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเด็ก โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก ในฐานะแม่คนหนึ่งที่คลุกคลีอยู่อยู่กับลูกๆ ในบ้านหลังใหญ่แห่งนี้มานานกว่า 24 ปีแล้ว บอกว่า ลูกๆ ของเขามีทั้งหมด 150 ชีวิต ล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่มาจากหลากหลายครอบครัว มีพื้นฐานจิตใจและอารมณ์ ที่แตกต่างบางคนมีพฤติกรรมก้าวร้าว ดื้อรั้น เกรี้ยวกราด ขาดสมาธิ โรงเรียนแห่งนี้จึงให้ความสำคัญกับเสียงดนตรี เสียงจากธรรมชาติ ดั้งนั้นทุกๆ เช้าก่อนเข้าห้องเรียน หรือเวลาที่เข้าไปใช้ห้องสมุด เด็กๆ ก็จะได้ฟังเพลงคลาสสิก ของ Mozart ก่อน เพื่อปรับคลื่นสมอง เพราะเชื่อว่า พลังอำนาจแห่งเสียงเหล่านี้จะช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้อ่อนโยน อารมณ์ดี และมีสมาธิในการเรียนดีขึ้น “นี่เป็นการได้รับชมดนตรีคลาสสิกผ่านการแสดงสดเป็นครั้งแรก และถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะนอกจากจะได้รับชมอย่างใกล้ชิดเขาจะได้รู้จักเครื่องดนตรีแต่ละชนิดด้วย ซึ่งเด็กบางคนมีแววสนใจด้านดนตรีเป็นทุนอยู่แล้ว การได้รับโอกาสแบบนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นการเติมพลังใจให้เขาก้าวเดินบนเส้นทางฝันอย่างมั่นคงในอนาคต และขณะเดียวกันก็จุดประกายให้กับเด็กคนอื่นๆ ได้หันมาให้สนใจค้นหาความสุขให้กับตัวเองด้วยเสียงดนตรี อย่างน้อยช่วยเยี่ยวยาคลายปมทุกข์ที่ฝังลึกอยู่ในใจให้กับเขาได้บ้าง แม่ๆ ทุกคนอยากให้ลูกๆเติบโตเป็นคนดีมีคุณภาพ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข” แม่ณี กล่าวด้วยเปื้อนยิ้ม เมื่อหันไปเห็นลูกๆ ขอเขากำลังชมดนตรีกันอย่างมีความสุข
ในการแสดงครั้งนี้มีนักร้อง นักดนตรี กว่า 30 ชีวิต มาร่วมกันบรรเลงบทเพลงทั้งหมด 3 ชุด 20 เพลง ด้วยกัน ซึ่งก่อนเริ่มทำการแสดงพี่ๆ นักดนตรีแต่ละวง จะมีการแนะนำเครื่องดนตรีแต่ละชนิดให้น้องๆ ได้รู้จัก เพื่อสร้างบรรยากาศให้การชมดนตรีเป็นไปอย่างมีความสุขและสนุกสนาน สำหรับช่วงแรกรับหน้าที่โดย พี่ๆ วง Dr.Sax Saxophone วงนี้บรรเลงบทเพลง พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาทิ เพลง ในดวงใจนิรันดร์ เพลงแก้วตาขวัญใจ เพลงยามเย็น เพลงเกาะในฝัน และเพลงความฝันอันสูงสุด จากนั้นช่วงที่ 2 เอาใจน้องๆ ด้วยบทเพลงร่วมสมัย บรรเลงโดยวง Dr.Sax Brass Quintet อาทิ เพลงลูกอม เพลงยิ่งรู้ยิ่งรักเธอ เพลงหยุด และมาปิดท้ายด้วยการบรรเลงเพลงคลาสสิกผสมผสานร่วมสมัยโดยวง Dr. Sax Chamber Orchestra วงนี้แหละที่น้องๆ ตื่นเต้นมากที่สุดเพราะได้ร้องเพลงกระแตตื่นเช้าร่วมกับพี่ๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีเพลงอื่นๆ ให้ได้รับชมกันอีกเพียบ อาทิ เพลง Divertimento K 136 เพลง Over the rainbow เพลง King of Kings เพลงรักแท้อยู่เหลือกาลเวลา ทั้งหมดนี้ใช้เวลานานเกือบ2 ชั่วโมง
เด็กทั่วไปหลายๆคน อาจจะไม่คุ้นหูและรู้สึกสนุกกับการชมตรีคลาสสิก แต่สำหรับน้องๆ โรงเรียนหมู่บ้านเด็กแห่งนี้ที่คุ้ยเคยกับเสียงดนตรีอยู่แล้ว การได้รับชมพร้อมร้องเพลงร่วมกับวงดนตรีในครั้งนี้ด้วยนั้นมันเป็นความประทับใจที่มีค่ายิ่งใหญ่สำหรับคนที่มีใจรักดนตรี ซึ่งยากจะหาโอกาสสัมผัสได้ง่ายๆ
หลังจากเสียงดนตรีบรรเลงเพลงสุดท้ายจบลง ความรู้สึกของผู้รับชมก็ถูกถ่ายทอดออกมาให้ได้ ฟังกัน ด.ญ.ทิตย์ตยา พิณโลหิต (น้องปอย) อายุ 12 ปี คืออีกหนึ่งในที่ได้มีโอกาสร่วมร้องเพลงกระแตตื่นเช้ากับพี่ๆ วงวง Dr.Sax Chamber Orchestra …ด้วย “ตอนที่รู้ว่าจะมีวงดนตรีคลาสสิกมาเล่นที่นี่หนูก็ตื่นเต้นอยู่แล้ว และไม่คิดว่าจะได้ร่วมร้องเพลงกับพี่ๆ ดีใจมากค่ะ หนูฟังได้ทุกเพลง แต่ส่วนมากตอนเช้าก่อนเข้าห้องเรียน ครูจะเปิดเพลงคลาสสิกให้ฟัง ครูบอกว่าดนตรีมีส่วนช่วยพัฒนาสมองทำให้เรามีสมาธิดีขึ้น เรียนเก่งขึ้น ดนตรีช่วยให้อารมณ์ดี อย่างงเวลาที่รู้สึกเหงา เครียด หรืออารมณ์เสีย หนูจะมานั่งฟังเพลงที่ห้องสมุด สักพักก็จะดีขึ้น”
ปิดท้ายกันที่ นักดนตรี ในฐานะผู้ให้ความสุขผ่านตัวโน้ตอย่าง น้องนิ้ง น.ส.ปิ้นปินัทน์ ศรีบำรุงเกียรติ นักศึกษาชั้นปี3 ม.มหิดลดุริยางคศิลป์ มือไวโอลิน อธิบายความรู้สึกภายหลังเสร็จสิ้นการแสดงให้ฟังว่า ในฐานะผู้ให้ความรู้สึกครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งอื่นๆ มันอิ่มใจ ดีใจ ตื้นตัน ที่เป็นส่วนหนึ่งของวงในการทำประโยชน์ให้กับสังคม ได้สร้างรอยยิ้มให้กับน้องๆที่ด้อยโอกาส ได้เห็นแววตาแห่งความสุขที่สะท้อนกลับมา มันมีค่ามากรู้สึกได้ว่าคนเหล่านี้ต้องการความสุขจากเรา มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ผลักดันให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อฝึกฝนพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดียิ่งๆ ขึ้น วันหนึ่งเมื่อมีโอกาสเราก็จะนำสิ่งดีๆ เหล่านี้กลับไปมอบให้กับสังคมอีก อยากเป็นผู้ให้ ที่ให้ด้วยใจจริงๆ แม้ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 2 ชั่วโมง แต่ความสุขที่ได้มันเป็นประสบการณ์ชีวิตมีค่ายิ่งสำหรับ เด็กด้อยโอกาสทางสังคม ที่มีใจรักดนตรี แรงบันดาลใจจากจุดเล็กๆ เหล่านี้ เปรียบเสมือนแสงสว่างจากเปลวเทียนที่นำทางให้ก้าวเดินสู่ถนนสายฝันได้อย่างมั่นคงในอนาคต ใครจะล่วงรู้ วันหนึ่งข้างหน้าพวกเขาเหล่านี้อาจจะเติบโตเป็นนักร้อง นักดนตรี ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ก็เป็นได้
สำหรับหน่วยงานต่างๆ อาทิ สถานสงเคราะห์เด็กและคนชรา สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน หรือผู้ที่สนใจชมการแสดงดนตรีคลาสสิก สามารถติดตามกิจความเคลื่อนไหวกิจกรรมต่างๆ ผ่านทาง Face book ของมูลนิธิ www.facebook.com/sugreef หรือติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข โทร. 02-884-8333