กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
กลุ่มบริษัท คลาสสิก โกลด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทองคำอย่างครบวงจรมายาวนาน ร่วมมือกับบริษัท บ้านราชประสงค์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการ The Energy หัวหิน จัดกิจกรรมใหญ่ส่งท้ายปี 2556 ที่จะมาสร้างความรู้ด้านการลงทุนอย่างรอบด้าน ปรับทัศนคติให้มองทุกจังหวะเป็นโอกาส เลือกลงทุนอย่างเหมาะสม และต่อยอดความมั่งคั่งของการลงทุนด้วยทองคำ พร้อมคาดราคาทองคำยังอยู่ในทิศทางขาลงต่อเนื่อง ปีหน้ามีโอกาสหลุดระดับ 1200 USDต่อออนซ์ อีกครั้ง แนะติดตามสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิดตลอดไตรมาส 4
นางสาวณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า “การลงทุนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ทองคำ หรือสินทรัพย์ประเภทใดก็ตาม ต่างมีความผันผวนด้วยกันทั้งนั้น ความรู้เรื่องการลงทุนในสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถช่วยให้นักลงทุนสามารถมองหาจังหวะของการทำกำไรได้อย่างยั่งยืนเติบโตเสมอไป หากแต่ความเข้าใจในตัวเองว่าเราเป็นคนประเภทไหน สามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงประเภทของการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความหลากหลายให้พอร์ตการลงทุนของตัวเอง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม กิจกรรม “Golden Talk จุดประกายความคิด ทุกมิติคือโอกาสทอง” ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นครั้งแรกที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์ ตั้งแต่ก้าวแรกของการเข้ามาเป็น CEO แนวทางการจัดสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต รวมไปถึงประสบการณ์จริงในการลงทุน เพื่อช่วยค้นหาความเป็นตัวเอง นักลงทุนจะได้สามารถเลือกลงทุนได้อย่างเป็นคุณ เพราะเมื่อเราเข้าใจตัวเองแล้ว การจะเลือกสินทรัพย์การลงทุนให้เหมาะสมจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และเมื่อเราสามารถเลือกสินทรัพย์ได้ตรงกับความเป็นตัวเราแล้ว การทำกำไรในการลงทุนก็จะเหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของเรา เปรียบเสมือนว่าการลงทุนเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่ง เพียงแต่เป็นกิจกรรมที่ช่วยต่อยอดความมั่งคั่งให้กับชีวิตเรานั่นเอง พร้อมเปิดมุมมองใหม่ที่น่าสนใจด้านการลงทุนทองคำ พลิกมิติใหม่ของการลงทุน สร้างความรู้ความเข้าใจให้ผลิตภัณฑ์การลงทุนประเภททองคำว่าเหตุใดจึงควรมีอยู่ในพอร์ตการลงทุนของทุกคน ซึ่งงานนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับความรู้ด้านการลงทุนอย่างรอบด้าน การปรับทัศนคติให้มองทุกจังหวะเป็นโอกาส การเลือกลงทุนให้เหมาะสม และการต่อยอดความมั่งคั่งกับการลงทุนทอง”
นายชนก ไชยศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท บ้านราชประสงค์ จำกัด เปิดเผยว่า “การจัดกิจกรรม Golden Talk เป็นการร่วมมือกับกลุ่มบริษัท คลาสสิก โกลด์ ซึ่งได้ให้เกียรติมาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และเปิดมุมมองใหม่ รวมถึงเทคนิคการลงทุนเพื่อทำกำไร พร้อมเจาะลึกสถานการณ์ทองคำในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทฯ มองว่าด้วยประสบการณ์ด้านการลงทุนทองคำของกลุ่มบริษัท คลาสสิก โกลด์จะเป็นประโยชน์และสามารถเพิ่มมูลค่าจากการลงทุนได้อย่างแน่นอน ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากที่คุณณัฐฑี จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ที่จะช่วยพลิกมิติใหม่ของการลงทุนแล้ว ทางคลาสสิก โกลด์ฯ ยังเตรียมทองรูปพรรณหลากหลายรูปแบบ และทองคำแท่งมาแสดงและจำหน่าย พร้อมลดค่ากำเหน็จสุดพิเศษภายในงานอีกด้วย รวมถึงยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทองคำมาคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดทั้งวัน และที่สำคัญกิจกรรมในครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยกิจกรรม Golden Talk จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน ณ สยามภาวลัย รอยัล แกรนด์ เธียเตอร์ ชั้น 6 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ www.theenergy.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.02-235-999, 087-33-95559 และ 081-701-6052”
“สำหรับแนวโน้มราคาทองคำโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ราคาทองคำในปีนี้ยังอยู่ในทิศทางขาลงต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,795 USDต่อออนซ์ ในช่วงต้นเดือน ต.ค.2555 ซึ่งการรีบาวน์จากจุดต่ำสุดของปีนี้ที่ 1,180 USDต่อออนซ์ ในช่วงปลายเดือน มิ.ย. แสดงถึงภาวะที่ยังคงมีความต้องการทองคำอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะความอ่อนแอของ sentiment ตลาด จึงยังไม่มีสัญญาณยืนยันการจบของแนวโน้มขาลงนี้ ทำให้โอกาสที่ราคาจะหลุดระดับ 1,200 USDต่อออนซ์อีกครั้ง ยังมีความเป็นไปได้ในปีหน้า คาดไตรมาส 4 ราคาทองคำจะมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,200-1430 USDต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยสำคัญที่จะกระทบต่อราคาทองคำ ได้แก่ ปัญหาเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ซึ่งประเด็นนี้จะส่งผลผลบวกในระยะสั้นต่อราคาทองคำต่อไปจนกว่าจะมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ให้มากกว่า 16.7 ล้านล้านเหรียญ ในปัจจุบัน และคาดว่าจะสร้างความผันผวนได้มากทันทีที่มีการอนุมัติขยายเพดานหนี้ รวมถึงประเด็นในเรื่อง การลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของ FED จะสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับการลงทุนทองคำในช่วงปีหน้า หรือ สิ้นปีนี้ หลังจากที่ประเด็นเพดานหนี้สิ้นสุดลง เนื่องจากตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดวิกฤตซับไพรม์ เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้ไหลเข้าสู่ตลาดโลกในปริมาณมหาศาลอันเป็นผลมาจากการใช้ชุดมาตรการ QE ทำให้เกิดการดันราคาทองคำขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯจะด้อยค่า แต่เมื่อถึงเวลาที่จะมีการลดปริมาณเงินออกจากระบบเศรษฐกิจ ก็จะทำให้ทองคำอยู่ในภาวะ bearish” นางสาวณัฐฑี กล่าว
-กผ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit