“อะไหล่มนุษย์”สุดยอดของการให้ที่ยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายในชีวิต

10 Oct 2013

กรุงเทพฯ--10 ต.ค.--สิทธิผล 1919

ความจริงแล้ว “ประเทศไทย” ได้ชื่อว่า มีความเป็น “ที่สุด” อยู่หลายอย่างและหนึ่งในความเป็นที่สุดนั้นก็คือ การจัดการ “อวัยวะ” ที่ได้จาก “การบริจาค” สามารถนำมาปลูกถ่ายต่อชีวิตผู้ป่วยคนอื่นได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายในชีวิต ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

โมเดลของการจัดการนี้ ถูกยกให้ว่าเป็นโมเดลที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผล งานนี้ต้องยกให้ “ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ” หน่วยงานคุณภาพแห่ง “สภากาชาดไทย”ที่เดินหน้าทำงานมาอย่างต่อเนื่องจนก้าวสู่ปีที่ 19 แล้ว ทำให้รู้ว่ามีคนไทยใจบุญ แสดงความจำนง พร้อมที่จะบริจาคอวัยวะเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ โดยปัจจุบันมีแล้ว กว่า 6 แสนราย คาดว่าในปีนี้จะมีผู้แสดงความจำนงขอบริจาคอวัยวะอีกไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นราย สำหรับตัวเลขผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลือจากการปลูกถ่ายอวัยวะในปี 2556 นี้ การปลูกถ่ายไตมีมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ตับ และหัวใจ ตามลำดับ

แม้ว่ามียอดผู้บริจาคเข้ามาจำนวนมากแต่ที่เสียชีวิตกลับได้อวัยวะจริงๆ มาต่อชีวิตผู้ป่วยรายอื่นได้เพียง 44 ราย เท่านั้นในปีนี้ และที่เป็นปัญหาคือ ผู้บริจาคเสียชีวิตแล้วแต่ญาติๆ ไม่ได้แจ้งทันทีภายใน 24 ชั่วโมง ทำให้ผู้ป่วยอีกจำนวนมากต้องรอคอยความหวังต่อไป และเป็นความหวังที่ไม่รู้ว่าจะถึงจุดจบเมื่อไร

ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้? ก็ต้องตอบว่าเรื่องนี้มีอุปสรรคหลายอย่าง ตั้งแต่ในส่วนของความพร้อมทางการแพทย์ที่ยังมีปัญหาในเรื่องของบุคคลากรผู้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมไปถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่ยังมีไม่เพียงพอ นอกจากนั้นยังเป็นเรื่อง “ใจ” ที่พกพาความกลัวเป็นที่ตั้ง กลัวว่าการบริจาคอวัยวะ เท่ากับแช่ง และจะทำให้การเกิดในภพภูมิชาติหน้าจะมีอวัยวะไม่ครบ 32 จนทำให้คนไม่กล้าที่จะแสดงความจำนง หรือเหตุจากญาติพี่น้องไม่ยินยอมจากความเสียใจ อาลัยอาวรณ์ ด้วยการที่จะนำอวัยวะมาได้นั้น ผู้บริจาคต้องอยู่ในภาวะที่ตายแล้วแต่ยังมีลมหายใจ อย่างศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า “สมองตาย” เท่านั้น

นพ.วิศิษฐ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ขยายความเข้าใจไว้ว่า “ภาวะนี้เกิดจากการที่ก้านสมอง หรือแกนสมอง อันเป็นศูนย์รวมของการหายใจและเป็นส่วนของสมอง สามารถทนต่อการขาดออกซิเจนได้นานที่สุด ซึ่งถ้าขาดไปแล้วหรือถูกทำลายจนสิ้นสุดการทำงานโดยสิ้นเชิงและถาวร หรือการที่สมองไม่สามารถควบคุมการหายใจได้เอง ต้องมีอุปกรณ์ช่วย จึงจะเรียกว่าสมองตาย”

เรื่องนี้แต่เดิมเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้คนไม่กล้าตัดสินใจจะบริจาคจนกระทั่งเมื่อ 4 ปี ก่อน คุณทนง ลี้อิสสระนุกูล กรรมการผู้จัดการกลุ่มสิทธิผล ได้เล็งเห็นความสำคัญของอะไหล่มนุษย์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้ป่วยที่รอคอยการต่อชีวิตใหม่จำนวนมาก จึงได้ร่วมกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย จัดตั้งโครงการ “อะไหล่มนุษย์” กับสโลแกนที่ว่า“อะไหล่รถสิทธิผลหาได้ แต่อะไหล่มนุษย์ต้องร่วมใจหา” ภายใต้ กลุ่มสิทธิผล วีแคร์ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ และรณรงค์ให้คนไทยได้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของการบริจาคอวัยวะที่ถูกต้อง จนทำให้มียอดผู้บริจาคเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ

ล่าสุดสานต่อโครงการ โดยร่วมออกบูธรับแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะในงานคอนเสิร์ต ขนนก กับ ดอกไม้ โครงการ 2 ตอน “SECRET GARDEN” ของนักร้องซุปเปอร์สตาร์ตลอดกาล”เบิร์ด” ธงไชย แมคอินไตย ที่จะจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19-20 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี งานนี้กลุ่มสิทธิผลวีแคร์นำทีมศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย มาให้ความรู้ ความเข้าใจ กับแฟนคลับที่ต้องการสร้างกุศลครั้งยิ่งใหญ่ กันถึงที่ภายในงาน มีผู้สนใจมาร่วมแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ ที่บูธกลุ่มสิทธิผล วีแคร์ จำนวนมาก และได้รับของที่ระลึกที่ได้เตรียมมาแจกเป็นจำนวนมาก หากท่านใดไม่ได้มาร่วมงานครั้งนั้น และสนใจที่จะร่วมบริจาคเพื่อสร้างกุศลสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย สายด่วน 1666 หรือ www.organdonate.in.th

-กผ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit