กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
เสริมความคุ้มค่าให้กับลูกค้าที่ใช้โซลูชั่นระบบ Software-defined Storage สูงสุด ด้วยการลงทุนติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ที่มาพร้อมระบบจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล (Data Tiering) และการให้บริการสำรองข้อมูล (Backup as a Service)
เอชพีเปิดตัวนวัตกรรมจัดเก็บข้อมูลแบบผนวก HP Converged Storage ใหม่ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนติดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบเสมือนหรือเวอร์ช่วลได้อย่างสูงสุด โดยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง และเพิ่มความคล่องตัว รวมทั้งการนำสมรรถนะของระบบมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
เอชพีสานต่อความเป็นผู้นำโซลูชั่นระบบ Software-defined Storage(1) (SDS) อย่างต่อเนื่องถึง 6 ปี ด้วยการเปิดตัวการใช้งานสำหรับซอฟท์แวร์อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเสมือนใหม่ HP StoreVirtual Virtual Storage Appliance (VSA) software ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ซึ่งรวมถึงระบบย้ายข้อมูลไปเก็บไว้ตามประเภทฮาร์ดดิสต์ หรือ sub-LUN (logical unit number) แบบอัตโนมัติ และการทำงานร่วมกันระหว่าง VMware และไมโครซอฟท์ ที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อประสิทธิภาพและสมรรถนะการทำงานที่เหนือกว่า รวมทั้งมีออปชั่นของลิขสิทธิ์การใช้งาน (license) แบบใหม่ที่ตอบรับความต้องการทั้งในปัจจุบัน และการขยายงานในอนาคตได้อย่างยืดหยุ่น
นอกจากนี้ เอชพียังเปิดตัว HP StoreOnce Virtual Storage Appliance (VSA) ใหม่ ที่ช่วยลดใช้จ่ายในการทำสำรองข้อมูลของสำนักงานขนาดเล็กลงได้สูงสุดถึงร้อยละ 65(2)
โซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูล SDS ที่ทำงานโดยอัตโนมัติ และปรับแต่งได้ตามต้องการ พร้อมตอบสนองการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม
องค์กรที่ใช้สภาพแวดล้อมแบบเวอร์ช่วล นับตั้งแต่สำนักงานขนาดเล็ก และสำนักงานสาขาขององค์กร ไปจนถึงผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะ ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้โซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูล SDS ที่ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์จัดสรรทรัพยากร หรือไฮเปอร์ไวเซอร์ได้อย่างหลากหลาย เพื่อเพิ่มความพร้อมในการใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และรองรับบริการข้อมูลอื่นๆ ที่ทำงานบนระบบโครงสร้างพื้นฐานของเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นมาตรฐานของวงการได้เป็นอย่างดี
โซลูชั่น HP StoreVirtual VSA ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ HP LeftHand และมาพร้อมกับเทคโนโลยี HP Adaptive Optimization ซึ่งนับเป็นโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูล SDS แบบ scale-out รุ่นแรกของวงการที่มีฟีเจอร์จัดลำดับความสำคัญของข้อมูล (Data Tiering) ซึ่งจะย้ายข้อมูลไปเก็บในหน่วยจัดเก็บที่มีสมรรถนะสูงหรือให้ความคุ้มค่าสูงสุดตามความต้องการใช้งานได้อย่างอัตโนมัติ จึงช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและสมรรถนะในการทำงานได้เป็นอย่างดี(3)
เทคโนโลยี HP Adaptive Optimization จะตรวจสอบปริมาณงานอย่างต่อเนื่อง และย้ายข้อมูลที่ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ ไปเก็บในระบบจัดเก็บข้อมูลที่ทำงานได้เร็วกว่า เช่น โซลิด-สเตท ดิสก์ (SSD) และย้ายข้อมูลที่ไม่มีการเคลื่อนไหวแล้วไปเก็บในระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีต้นทุนต่ำกว่า เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ทำให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องย้ายแอพพลิเคชั่นทั้งหมดไปเก็บไว้ในโซลิด-สเตท ดิสก์ ที่มีต้นทุนแพงกว่าอีกต่อไป นอกจากนี้โซลูชั่น HP StoreVirtual VSA ยังช่วยลดต้นทุนในการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ได้อีก ด้วยการปรับเป้าหมายการใช้งานและทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลยี่ห้ออื่นๆ ที่ใช้อยู่เดิม แล้วตั้งค่าความสำคัญของการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวในระบบ HP Adaptive Optimization ให้เป็นลำดับรองลงไป ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาน้อยลง
ปัจจุบัน เอชพีมีออปชั่นลิขสิทธิ์การใช้งาน (license) สำหรับโซลูชั่น HP StoreVirtual VSA ให้เลือกอย่างหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ปริมาณงานทั้งในปัจจุบัน และการขยายงานในอนาคตได้อย่างคล่องตัว โดยนอกจากลิขสิทธิ์การใช้งานแบบมาตรฐานที่ 10 เทราไบท์แล้ว เอชพียังนำเสนอลิขสิทธิ์การใช้งานแบบ 4 เทราไบท์สำหรับสำนักงานขนาดเล็ก และแบบ 50 เทราไบท์สำหรับปริมาณจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้ลูกค้าสามารถเริ่มต้นใช้งานจากออปชั่นขนาดเล็ก แล้วอัพเกรดไปใช้ VSA ที่ใหญ่ขึ้นหรือใช้โซลูชั่น HP StoreVirtual 4000 ตามความต้องการได้อย่างราบรื่น
โซลูชั่น HP StoreVirtual VSA บริหารจัดการได้ง่ายภายใต้สภาพแวดล้อม VMWare และไมโครซอฟท์ โดยผู้มีความรู้ด้านไอทีในระดับทั่วไปก็สามารถทำได้ อีกทั้งยังติดตั้งได้เร็วขึ้น 3 เท่า และปรับขยายได้เร็วขึ้น 11 เท่า เมื่อเทียบกับโซลูชั่นระบบ SDS ของแบรนด์อื่นๆ ที่รองรับการทำงานร่วมกับ VMware(4) ทั้งนี้ บริการสนับสนุนใหม่สำหรับโซลูชั่น VMware ParaVirtualized SCSI Controller จะช่วยให้การใช้งานซีพียูมีประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โซลูชั่น HP StoreVirtual VSA ยังเพิ่มการทำงานร่วมกันระหว่าง Microsoft Windows? Server และซอฟท์แวร์ Hyper-V เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตั้งโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลจากโปรแกรม Microsoft System Center Virtual Machine Manager และนำมาใช้งานได้รวดเร็วขึ้น
นายสุรชัย อรรถมงคลชัย ผู้จัดการธุรกิจ HP Storage เอชพี ประเทศไทย กล่าวว่า “องค์กรที่มุ่งเน้นการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ได้ปรับเปลี่ยนจากการใช้ฮาร์ดแวร์แบบปกติ เป็นโซลูชั่นระบบ SDS ที่สามารถใช้งานกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์แบบมาตรฐานที่มีอยู่เดิมได้ เพื่อลดการลงทุนด้านศูนย์ข้อมูลและการดำเนินงานลง ทั้งนี้ เอชพีเป็นผู้บุกเบิกโซลูชั่นระบบ SDS และออกลิขสิทธิ์การใช้งานโซลูชั่น StoreVirtual VSA แล้วกว่า 170,000 ราย ในวันนี้เราเดินหน้าสานต่อความเป็นผู้นำดังกล่าว ด้วยการพัฒนาความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมทั้งองค์กรที่มีสำนักงานสาขาตั้งอยู่ในที่อื่นๆ ได้รับประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างสูงสุด และบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างคุ้มค่า” โซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูล SDS เจเนอเรชั่นที่สอง ที่ให้ประสิทธิภาพในการปกป้องข้อมูลที่ดียิ่งขึ้น
โซลูชั่น HP StoreOnce VSA เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานแบบเวอร์ช่วลร่วมกับเซิร์ฟเวอร์แบบมาตรฐานที่ลูกค้ามีอยู่ได้ทันที จึงไม่จำเป็นต้องซื้อฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม โดยโซลูชั่น HP StoreOnce VSA จะช่วยให้ผู้ให้บริการเช่าพื้นที่เซิร์ฟเวอร์ (hosting provider) สามารถนำเสนอบริการสำรองข้อมูลแก่ลูกค้าได้ และช่วยให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายในการปกป้องข้อมูลของสำนักงานสาขาซึ่งตั้งอยู่ในที่อื่นๆ ลง นอกจากนี้ ยังลดความจำเป็นในการใช้เครื่องฮาร์ดแวร์แบบปกติได้สูงสุดถึงร้อยละ 50 และลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึงร้อยละ 70(5)
เอชพี ได้จัดจำหน่ายโซลูชั่นในพอร์ทโฟลิโอ software-defined ที่หลากหลายที่สุดของวงการ ครอบคลุมทั้งเซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล และเน็ตเวิร์ค ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของศูนย์ข้อมูลแบบ software-defined data center(2) โดยการนำเสนอโซลูชั่น HP StoreOnce VSA ใหม่ จะเสริมทัพเซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล และเน็ตเวิร์คเดิม ภายใต้พอร์ทโฟลิโอระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) นั่นเอง
โซลูชั่น HP StoreOnce แตกต่างจากโซลูชั่นของแบรนด์อื่นๆ ที่ซับซ้อนและไม่ครบครัน เนื่องจากมาพร้อมสถาปัตยกรรมระบบจัดเก็บข้อมูล ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการสำรองข้อมูลบนดิสก์ที่หลากหลายได้ในหนึ่งเดียว จึงทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น และเซิร์ฟเวอร์สำรอง รวมทั้งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลทั้งแบบปกติและแบบเวอร์ช่วลทั้งหมดได้อย่างไม่มีปัญหา ช่วยให้ลูกค้าสามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ในระบบ HP StoreOnce ได้อย่างไม่ซ้ำซ้อน โดยไม่ต้องเพิ่มแบนด์วิธ และไม่เกิดต้นทุนด้านการจัดการในระบบดังกล่าว
"โซลูชั่น HP StoreOnce VSA มอบความยืดหยุ่นในการใช้งาน และช่วยปกป้องการลงทุนของลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ให้บริการด้านข้อมูลอย่างยอดเยี่ยมด้วยการใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติต่างๆ ของการลงทุนอย่างครบถ้วน นับเป็นโซลูชั่นที่ช่วยลดการซ้ำซ้อนของข้อมูล และมีมาตรฐานเป็นกลางสำหรับการใช้งานขององค์กรทั้งระบบ เพื่อการทำซ้ำข้อมูลได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด" นายสุรชัย กล่าวเสริม
การจำหน่าย
เอชพีมีกำหนดจัดงาน HP Discover สำหรับลูกค้าในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ในวันที่ 10 – 12 ธันวาคมนี้ ที่เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน
-กภ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit