วันนี้(๖ พ.ย. ๕๖) เวลา ๑๑.๐๐ น. ที่ห้องประชุมชั้น ๒ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และเดอะมอลล์ บางกะปิ ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน “เทิดไท้องค์ราชัน องค์ราชินี มหกรรมสินค้าดี จากสตรีชายแดนใต้” ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ MCC HALL ชั้น ๔ เดอะมอลล์ บางกะปิ กรุงเทพฯ
นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศโดยรวมในทุกด้าน กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้ดำเนินงานสนองตอบนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามแผนงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งในระดับปฏิบัติการ มีหน่วยงานระดับกรมหรือเทียบเท่าเป็นหน่วยดำเนินการในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้มีการดำเนินโครงการสานพลังพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อมุ่งพัฒนาศักยภาพการอยู่ร่วมกันของคนในพื้นที่ โดยมีกิจกรรมการส่งเสริมอาชีพและฝึกอบรมด้านอาชีพมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดกลุ่มอาชีพสตรีในระดับหมู่บ้าน และตำบลครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้ง ๓ จังหวัด เป็นจำนวนมากกว่า ๓๐๐ กลุ่ม ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก ทั้งผลิตภัณฑ์อาหารและการแปรรูปอาหารฮาลาล ผลิตภัณฑ์จักสาน ผลิตภัณฑ์งานผ้า ของชำร่วย ผลิตภัณฑ์งานไม้ สมุนไพร ผลไม้ และผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ นางปวีณา กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ปฏิบัติงานเยี่ยมกลุ่มสตรีในจังหวัดยะลาและการพบปะกลุ่มสตรี ๑๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา ได้รับทราบปัญหาและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้ช่วยแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าของกลุ่ม เพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จึงได้ประสานกับศูนย์อำนวยการบริหารจัดการจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงาน “เทิดไท้องค์ราชัน องค์ราชินี มหกรรมสินค้าดี จากสตรีชายแดนใต้” ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ MCC HALL ชั้น ๔ เดอะมอลล์ บางกะปิ กรุงเทพฯ โดยภายในงาน มีการออกบูธจำนวนทั้งสิ้น ๒๐๐ บูธ อาทิ บูธโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และพระบรมราชินีนาท และบูธของสตรีที่ได้รับผลกระทบจากชายแดนใต้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการแสดงผลการดำเนินงานของรัฐบาล ในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากชายแดนใต้ นิทรรศการของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC อีกด้วย
ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า ภายหลังจากได้รับรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ หรือ ศตช. พบว่าทุกหน่วยงานจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก ซึ่งนอกจากการจ่ายเงินเยียวยาตามหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดแล้ว สิ่งสำคัญคือ การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้และให้โอกาสคนในพื้นที่ ได้มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้า และช่วยเปิดตลาดให้กว้างขึ้น ศอ.บต. จึงร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จัดงานนี้ขึ้นโดยจะนำผลิตภัณฑ์จากกลุ่มสตรีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์กว่า ๒๐๐ กลุ่ม ใน ๕ ประเภท ทั้งอาหารฮาลาลแปรรูป อาหารปรุงสด เสื้อผ้า งานหัตถกรรม สมุนไพร ตลอดจนสินค้าดีใน ๕ จังหวัดมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปได้มาอุดหนุนกัน
นางวรรณา ศรีริกานนท์ ตัวแทนจากสตรีหม้ายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ ยอมรับว่าการเสียสามีในเหตุการณ์เมื่อปี ๒๕๔๖ ทำให้เธอตัดสินใจย้ายจากสุไหงปาดี มาอยู่ในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่บ้านรอตันบาตู ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อความปลอดภัย และได้รวมกลุ่มผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบประมาณ ๑๐ คน ตัดเย็บเสื้อผ้า กระเป๋า ที่ใช้ผ้าปาเต๊ะเป็นวัตถุดิบหลัก จำหน่ายหารายได้เลี้ยงครอบครัว และได้รับเงินเยียวยาเดือนละ ๔,๕๐๐ บาท
“มาอยู่ที่นี่มีความหวังกว่าอยู่ข้างนอก เพราะคนที่อยู่ด้วยก็เป็นคนที่ได้รับผลกระทบเหมือนกัน ได้คุยกันว่าเป็นสิ่งที่พระเจ้าให้มา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ช่วยให้เรามีอาชีพ และมีความปลอดภัย” นางวรรณากล่าว
ภายในงาน นอกจากสินค้าจากกลุ่มสตรีผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนใต้ เช่น ไข่มุก ผลิตภัณฑ์จากย่านลิเภา น้ำบูดู เรือกอ และข้าวเกรียบ เป็นต้น ยังมีการเสวนาที่น่าสนใจ เรื่อง “เสียงผู้หญิงในสถานการณ์ชายแดนใต้” ในวันศุกร์ที่ ๘ พฤศจิกายน เวลา ๑๓.๐๐ น. และเรื่อง “ต่อยอดผลิตภัณฑ์ฮาลาลจากชายแดนใต้สู่โลก” ในวันเสาร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ระหว่างเวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๐๐ น. อีกด้วย