ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท “บ. นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (6)” ที่ระดับ “A+(sf)”

07 Nov 2013
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตเบื้องต้นที่ระดับ “A+(sf)” ให้แก่หุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นอายุ 3 ปี ในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท (หุ้นกู้มีประกัน) ของ บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (6) จำกัด (ผู้ออกตราสาร หรือเอสพีวี) โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทรวมกับหุ้นกู้ด้อยสิทธิในวงเงินไม่เกิน 550 ล้านบาทที่เอสพีวีออกให้แก่ผู้เสนอโครงการคือ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) จะนำไปใช้ซื้อสิทธิเรียกร้องในค่างวดตามสัญญากู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัย (กองสินทรัพย์) จากผู้เสนอโครงการ โดยตราสารดังกล่าวเป็นตราสารทางการเงินที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลังชุดที่ 2 ของ บตท. ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต หุ้นกู้มีประกันดังกล่าวได้รับการค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้ โดย บตท. ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ บตท. มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง

อันดับเครดิตเบื้องต้นของหุ้นกู้มีประกันดังกล่าวสะท้อนความน่าเชื่อถือของผู้ค้ำประกัน ตลอดจนการมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ถือโดย บตท. คิดเป็น 25%-27% ของหุ้นกู้รวมที่ออกทั้งหมด รวมถึงเงินกู้ยืมที่ บตท. ตกลงจะให้แก่เอสพีวีเพื่อเสริมสภาพคล่องของเอสพีวี และภาระของ บตท. ที่จะต้องซื้อคืนกองสินทรัพย์ที่ยังคงเหลืออยู่จากเอสพีวี ณ วันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ โดยอันดับเครดิตเบื้องต้นแสดงถึงการที่ผู้ถือหุ้นกู้มีประกันจะได้รับชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบถ้วนตามกำหนด

เอสพีวีเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทยและคาดว่าจะมีการกำหนดคุณสมบัติให้เป็นไปตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ต่อไป ผู้ถือหุ้นของเอสพีวีประกอบด้วย บตท. ซึ่งถือหุ้น 48% บริษัท บริการดี จำกัด ซึ่งถือหุ้น 48.99% และบุคคลธรรมดาซึ่งถือหุ้น 3.01% ในช่วงแรกของโครงการ เอสพีวีจะออกตราสารหนี้มูลค่าไม่เกิน 2,050 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทและหุ้นกู้ด้อยสิทธิในวงเงินไม่เกิน 550 ล้านบาท โดยหุ้นกู้มีประกันจะเสนอขายให้แก่นักลงทุน ในขณะที่หุ้นกู้ด้อยสิทธิจะถือโดย บตท. หุ้นกู้ด้อยสิทธิมีสถานะด้อยกว่าหุ้นกู้ที่ไดัรับการจัดอันดับเครดิตและเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีประกัน ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนำไปใช้ซื้อสิทธิเรียกร้องในค่างวดตามสัญญากู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัยจากผู้เสนอโครงการภายใต้สัญญาโอนสิทธิเรียกร้องระหว่าง บตท. และเอสพีวี

ตามข้อมูล ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2556 กองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่ง บตท. ซื้อมาจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK หรือผู้ขาย) ประกอบด้วยลูกหนี้สัญญาเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยจำนวน 2,130 สัญญาซึ่งมีมูลค่าเงินต้นคงเหลือจำนวน 1,994.09 ล้านบาท และมีมูลค่าทางบัญชี 2,038.24 ล้านบาท โดยมูลค่าทางบัญชีสูงกว่ามูลค่าเงินต้นคงเหลือประมาณ 2.21% ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่มีการจ่ายชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดและไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ เงินค่างวดที่จะได้รับจากกองสินทรัพย์จะอยู่ที่ประมาณ 16.39 ล้านบาท ซึ่งเอสพีวีจะต้องจัดสรรเงินค่างวดดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้มีประกันจำนวน 14.84 ล้านบาทต่อเดือน โดยเงินที่จัดสรรดังกล่าวจะประกอบด้วยส่วนของเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของกองสินทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 4.29% และอายุเฉลี่ยของลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยคงเหลืออยู่ที่ 21.51 ปี นอกจากนี้ สิทธิในหลักประกัน สัญญาจำนอง และกรมธรรม์ที่มาพร้อมกับสินเชื่อก็จะโอนให้แก่เอสพีวี ณ เวลาเริ่มต้นโครงการ

บตท. จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้ของโครงการนี้ด้วย โดย บตท. เคยเป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้ให้แก่โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ของ บตท. ที่ผ่านมาทั้ง 5 โครงการ ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงเชื่อว่า บตท. จะสามารถทำหน้าที่ให้บริการเป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้ของโครงการนี้ได้ โดยเงินค่างวดที่ได้รับในแต่ละเดือนจะนำเข้าบัญชีของ บตท. ก่อน และจะโอนเข้าบัญชีเอสพีวี ณ ทุกสิ้นเดือน ทั้งนี้ ความเสี่ยงที่เงินรายได้ของเอสพีวีจะปะปนกับเงินของ บตท. นั้น ไม่น่าเป็นประเด็นกังวลเนื่องจากบตท. จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการนี้ด้วย โดยตามสัญญาให้การสนับสนุนทางการเงินระหว่าง บตท. และ เอสพีวีนั้น บตท. ตกลงจะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีในกรณีที่เอสพีวีไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะชำระหนี้ในแต่ละงวดตลอดอายุของหุ้นกู้ได้ นอกจากนี้ ภายใต้สัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง บตท. ตกลงจะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวโดยราคาซื้อคืนสิทธิเรียกร้องจะเป็นราคาระหว่าง 1) มูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์รวมดอกเบี้ยค้างชำระ หรือ 2) มูลค่าเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระของหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิซึ่งรวมภาระผูกพันต่าง ๆ ของเอสพีวี หลังจากที่หักด้วยเงินสดคงเหลือในบัญชีสำรองของเอสพีวี ซึ่งแล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า เอสพีวีจะนำเงินที่ได้จากการขายคืนสิทธิเรียกร้องไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ซึ่งหากยังมีส่วนที่ขาดอยู่ บตท. ก็จะรับชำระให้ตามสัญญาค้ำประกัน

บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (6) จำกัด (SPV-SMC (6))

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

หุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+(sf)

หุ้นกู้ด้อยสิทธิในวงเงินไม่เกิน 550 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 ไม่มีอันดับเครดิต