กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์
ระดมพันธมิตรในเอเชียแปซิฟิกกว่า 29,000 ราย จำนวนสูงสุดแห่งหนึ่งในโลก
สาระสำคัญของข่าว
อินเทลต้อนรับพันธมิตรทางเทคโนโลยีของอินเทล (Intel Technology Partner) รวม 355 ราย ในงาน อินเทล โซลูชั่นส์ ซัมมิท ประจำปี 2556 (Intel Solutions Summit 2013) ที่มาเก๊า
ด้วยเครือข่ายพันธมิตรจำนวนกว่า 29,000 รายของเอเชียแปซิฟิก ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นหนึ่งใน เครือข่ายพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาพบว่า จำนวนสมาชิกระดับโกลด์และแพลตทินั่มของโครงการ “อินเทล เทคโนโลยี โพรวายเดอร์” (Intel’s Technology Provider) ในเอเชียแปซิฟิค เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 ปัจจุบัน สมาชิกระดับโกลด์และแพลตทินั่มทั่วเอเชียแปซิฟิกมีจำนวน 9,399 ราย จากทั้งหมด ทั่วโลกที่มีรวมทั้งสิ้น 31,700 ราย
อินเทลเตรียมนำความสำเร็จมาสู่พันธมิตรในภูมิภาคนี้ ด้วยนวัตกรรมล่าสุดอย่าง “แฮสเวล” และ การพัฒนาแทบเล็ตรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด
พันธมิตรอินเทลในเอเชียแปซิฟิกกว่า 325 รายได้มารวมตัวกันในงาน อินเทล โซลูชั่นส์ ซัมมิท ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นที่มาเก๊า เป็นเวลาสามวัน เพื่อให้เครือข่ายพันธมิตรอินเทลมีความเข้าใจมากขึ้นถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจล่าสุดของอินเทล เพื่อนำไปพัฒนาโซลูชั่นส์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจและลูกค้าของตนในภูมิภาคนี้ โครงการ อินเทล เทคโนโลยี พาร์ทเนอร์ (Intel Technology Partner หรือ ITP) ในเอเชียแปซิฟิกนับว่ามีอัตราการเติบโตที่สูงมากในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เห็นได้จากจำนวนสมาชิกระดับโกลด์และแพลตทินั่มที่เพิ่มขึ้นเป็น 9,279 ราย นับเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การที่เรามีพันธมิตรรวมตัวกันในภูมิภาคนี้ในจำนวนที่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่ออินเทลเป็นอย่างมาก เราได้มีการมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรและการสรรหาคุณค่าที่แท้จริงให้กับพันธมิตรของเราในภูมิภาคนี้ ประเด็นที่ผมเห็นว่ามีความสำคัญอย่างมากคือ ความพยายามเหล่านี้เริ่มส่งผลให้เห็นในทางบวก และพันธมิตรต่างๆ ในอีโคซิสเต็มของเรายังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
คามิล ฮาซาน ผู้อำนวยการ Reseller Channel Organization อินเทล เอเชียแปซิฟิก กล่าวในการประชุมครั้งนี้โดยระบุถึงสิ่งที่อินเทลให้ความสำคัญนับจากปี 2556 นี้เป็นต้นไป โดยได้กล่าวว่า “เนื่องจากอินเทล มี การนำเสนอผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นในปี 2556 ดังนั้น เราจึงต้องการให้พันธมิตรที่เป็นช่องทางจำหน่ายของเรามีความพร้อมที่สุดในการเข้าร่วมและแข่งขันได้ในโลกของการประมวลผลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเดสก์ท็อปและเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 4 ของอินเทล หรือแม้แต่อัลตร้าบุ๊กและแท็บเล็ตรุ่นล่าสุดของเราก็ตาม”
ฮาซานกล่าวเสริมว่า “ในปีนี้ อินเทลได้เตรียมโครงการใหม่ๆ เพื่อนำเสนอแก่พันธมิตรของเรา นั่นหมาย ความว่า เรามุ่งมั่นที่จะนำบริการที่มีความเหมาะสมกับพันธมิตรที่เป็นช่องทางจำหน่ายของเรา เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าของตนได้เป็นอย่างดี”
โครงการ ITP มีขึ้นเพื่อให้การสนับสนุนพันธมิตรทั้งในเรื่องของการฝึกอบรม ให้การสนับสนุนด้านต่างๆ และช่วยกำหนดจุดแข็งด้านธุรกิจให้กับพันธมิตรเหล่านี้ ให้สามารถพัฒนาธุรกิจของตนให้เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน การสนับสนุนมีทั้งที่เป็นการช่วยในโมเดลธุรกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และการช่วยจำแนกและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดให้ ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา อินเทลได้มีการปรับปรุงโครงการฝึกอบรมเพื่อจัดสรรรูปแบบที่มีความคล่องตัวและเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์จากเทคโนโลยีและโซลูชั่นใหม่ๆ ตลอดจนช่วยให้พันธมิตรมีความคุ้นเคยกับแผนการพัฒนาและปรับเปลี่ยนของระบบประมวลผล โดยมีทั้งการประชุมในลักษณะที่มาพบหน้ากัน และการประชุมผ่านระบบออนไลน์
ดาเวน ชาง ผู้อำนวยการ บริษัท พลูโตเทคโนโลยี ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ กล่าวว่า “อินเทลช่วยทำให้ทีมงานของผมทำงานมีประสิทธิผลมากขึ้นกว่าเดิมถึงร้อยละ 60 หลังจากมีการนำซอฟต์แวร์ล็อกอินแบบรีโมทมาใช้ การทำงานด้วยระบบดังกล่าวทำให้พนักงานของเราสามารถแยกแยะปัญหาในพีซีของลูกค้าได้ก่อนที่จะต้องเดินทางไปพบลูกค้าที่จุดใช้งานจริง ทีมงานของเราจึงสามารถเตรียมเครื่องมือได้อย่างเหมาะสมและตรงกับปัญหา ก่อนที่จะเดินทางไปช่วยแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้”
“นอกจากนี้ การสนับสนุนของอินเทลยังช่วยให้เรามีโอกาสได้สร้างประโยชน์อย่างใหญ่หลวงให้กับสังคมได้ด้วย เพราะโครงการของรัฐบาล คือ “กิจกรรมการพัฒนาอินโฟคอม” ซึ่งเราได้เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ปี 2548 นั้น ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากอินเทลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราจะไม่สามารถนำเสนอชุดเดสกท้อปในราคาย่อมเยาให้กับครอบครัวที่มีฐานะยากจนที่ต้องการโอกาสทางการศึกษาสำหรับลูกหลานของพวกเขาได้เลย”
ความแข็งแกร่งของแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และความตั้งใจจริงของอินเทลที่มีต่อการลงทุนในโครงการ ITP อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้พันธมิตรมีความมั่นใจในการลงทุนเพื่อสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจของตนเอง โครงการ ITP เป็นโครงการที่คอยจัดสรรข้อมูลและทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อช่วยให้พันธมิตรที่เป็นช่องทางจำหน่ายของอินเทลทั่วเอเชียแปซิฟิกมีความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ และทำให้เหล่าพันธมิตรได้รับประโยชน์จากโอกาสที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างโปรเซสเซอร์ในตระกูล อินเทล? คอร์ เจนเนอร์เรชั่น 4 อัลตร้าบุ๊กรุ่นใหม่ๆ ที่พัฒนาออกสู่ตลาด ดีไซน์ต้นแบบและทิศทางการพัฒนาสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต โอกาสต่างๆ ที่มาพร้อม Next Unit of Computing (NUC) รวมถึงเทคโนโลยีฝังตัวรุ่นล่าสุดที่อยู่ในระบบลายเซ็นต์ดิจิตอลและระบบรับชำระเงิน ณ จุดขาย เป็นต้น
ดาเวนกล่าวต่อไปว่า “เราทำงานร่วมกับอินเทลมาเกือบ 17 ปี เหตุผลที่ช่วยทำให้เราเอาตัวรอดได้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เต็มไปด้วยการแข่งขันมาอย่างยาวนาน คือความทุ่มเทของเราในธุรกิจนี้ และแผนการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งของอินเทลนั่นเอง”
นายเอกรัศมิ์ กล่าวสรุปว่า “ความต้องการของตลาดประมวลผลยังคงเติบโตและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง อินเทลจะยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างจุดแข็งของเราให้แข็งแกร่งมากขึ้นในทุกตลาด โดยเน้นการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับพันธมิตรเพื่อทำให้ช่องทางการจำหน่ายเติบโตและปรับตัวได้อยู่ตลอดเวลา อินเทล ประเทศไทย พร้อมเดินหน้าร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรของเราในประเทศไทย เพื่อนำนวัตกรรมใหม่ๆ นำเสนอออกสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง”
ติดต่อ: ดรรชนีพร พฤกษ์วัฒนานนท์ อรวรรณ ชื่นวิรัชสกุล บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท คาร์ล บายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ โทรศัพท์: (66 2) 648-6022 โทรศัพท์: (66 2) 627-3501 e-Mail: [email protected] e-Mail: [email protected] -นท-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit