กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--สามารถคอร์ปอเรชั่น
เริ่มไตรมาสแรกปี 2556 กลุ่มสามารถประเดิมรายได้รวม 5,307 ล้านบาท สูงขึ้น 23เปอร์เซนต์ กำไรสุทธิ 354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซนต์จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายถล่มทลายของสมาร์ทโฟนตระกูล iQ ของไอ-โมบาย และการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นของสายธุรกิจไอซีที ซึ่งปัจจุบันมีงานอยู่ในมือรวมแล้วกว่า 9 พันล้านบาท ตลอดจนแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างชัดเจนของธุรกิจอื่นๆ มั่นใจรายได้ปี 56 โตตามเป้า 3 หมื่นล้านบาท นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของกลุ่มสามารถในไตรมาสแรกปี 56 นี้ เป็นบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจและการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ทั้งรายได้และกำไรของทุกสายธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนอกจากศักยภาพของบริษัทฯ ในการให้บริการด้านเทคโนโลยีรอบด้านแล้ว สภาพเศรษฐกิจตลอดจนช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี ก็เอื้อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาลแก่กลุ่มสามารถ ดังนั้น จึงมั่นใจว่าผลประกอบการในไตรมาสถัดๆ ไป จะเติบโตขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง” ผลประกอบการเด่น สะท้อนการเติบโตของทุกสายธุรกิจ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีก่อน (YOY) โดย สายธุรกิจ Mobile-Multimedia นำโดย บมจ.สามารถไอ-โมบาย ทำสถิติกำไรเพิ่มขึ้นสูงกว่า 700 เปอร์เซ็นต์ โดยคิดเป็นกำไรสุทธิ 177 ล้านบาท จากรายได้ทั้งสิ้น 2,466 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 55 เปอร์เซ็นต์ สายธุรกิจ ICT Solutions นำโดย บมจ. สามารถเทลคอม มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ มีกำไรสุทธิ 261 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ เมื่อบริษัทลูกแข็งแกร่งจึงส่งผลให้บริษัทแม่ คือ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซนต์ กำไรสุทธิ 354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซนต์ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผลการดำเนินงานของบริษัท โดยไม่นำผลกระทบของมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 12 เรื่องภาษีเงินได้มารวมด้วยแล้ว ในไตรมาสนี้ สามารถเทลคอมจะมีกำไรสุทธิ 292 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 93 เปอร์เซนต์จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสามารถคอร์ปจะมีกำไรสุทธิ 368 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นถึงร้อยละ 37 เช่นกัน
สายธุรกิจ ICT Solutions โดย SAMTEL งานในมือกว่า 9,000 ล้าน รอประมูลอีกกว่า 3 หมื่นล้านSAMTEL มีการเซ็นต์สัญญาโครงการในไตรมาสแรกประมาณ 1,500 ล้านบาท จากการจัดทำระบบป้องกันการสื่อสารของกรมราชทัณฑ์ โครงการเช่าสถานีฐานของ TOT 3G และโครงการปลีกย่อยอื่นๆ โดยปัจจุบันมีโครงการในมือที่จะทยอยรับรู้รายได้ มูลค่ารวมแล้วกว่า 9,000 ล้านบาท สำหรับทิศทางการเติบโตต่อไปของสายไอซีที ก็มีแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนจากโอกาสในการเข้าประมูลโครงการสำคัญขององค์กรต่างๆ มูลค่าโครงการ
รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท อาทิ โครงการ 3จี เฟส 2 ของทีโอที รวมถึง โครงการของการท่าอากาศยานฯ กระทรวงมหาดไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้ประจำเพิ่มขึ้นจากโครงการเช่าระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจหลักของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เดือนละ 53 ล้านบาท พร้อมทั้งคาดว่าจะมีโอกาสในการขยายงานเพิ่มในไตรมาส 3 จึงมั่นใจว่ากลุ่มสามารถเทลคอมจะมีรายได้ปี 56 ตามเป้า 16,000 ล้านบาท
สายธุรกิจ Mobile-Multimedia โดย SIM ผลงานเด่นมุ่งรุกตลาดสมาร์ทโฟน 3G เต็มรูปแบบ จากกระแสความต้องการสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ส่งผลให้ไอ-โมบายมียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนในไตรมาสแรกถึงเกือบ 4 แสนเครื่องจากจำนวนที่จำหน่ายได้ทั้งหมด 9 แสนเครื่อง จึงคาดว่าในปีนี้ ยอดขายสมาร์ทโฟนไอ-โมบายจะพุ่งขึ้นเป็น 70 เปอร์เซนต์ของยอดขายรวม หรือราว 2.3 ล้านเครื่องจากประมาณการยอดขายรวม 3.3 ล้านเครื่อง และจากโอกาสทางการตลาดดังกล่าว จึงส่งผลให้รายได้และกำไรของ SIM มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี โดยในไตรมาส 2 จะมีการรุกตลาดสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัว สมาร์ทโฟน IQ รุ่นใหม่ อาทิ IQX , IQ9 และ IQ 6.1 ระบบแอนดรอยด์ 4.2 2 ซิม กล้องคมชัด พร้อมคุณสมบัติเทียบเท่าแบรนด์ระดับพรีเมียม นอกจากนี้ ยังเสริมด้วยการเติบโตของธุรกิจ Content ที่พร้อมรองรับบริการ 3G เต็มรูปแบบ ทั้ง online และ offline สามารถให้บริการได้ทั้งภาพและเสียงไปยังผู้บริโภคได้ในทุกแพลตฟอร์ม บริษัทฯ จึงมั่นใจรายได้รวมของกลุ่ม SIM เข้าตามเป้า 11,000 ล้านบาทในปีนี้
สายธุรกิจอื่นๆ (Related Businesses) ก็มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นจากผลการดำเนินงานที่น่าพอใจของบริษัท วันทูวันคอนแทคส์ จำกัด และบริษัท วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม จำกัด โดยวันทูวันมีโครงการที่รอการประมูลอีกกว่า 700 ล้านบาท ทั้งยังมีแผนนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ส่วนวิชั่นฯ มีโครงการในมือ ณ ปัจจุบัน มูลค่ารวม 332 ล้านบาท อีกทั้งยังมีโอกาสในการเข้าร่วมประมูลโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดของ กทม., กระทรวงมหาดไทย และการท่าอากาศยานฯ มูลค่าอีกกว่า 1,500 ล้านบาท สำหรับสายธุรกิจ Utilities & Transportations ก็ยังคงสร้างรายได้ประจำให้แก่กลุ่มสามารถ โดยเฉพาะ 2 บริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจในประเทศกัมพูชา ส่วนการขยายงานในประเทศไทย บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากเทด้า บริษัทในเครือล่าสุดซึ่งดำเนินธุรกิจด้านระบบสายส่งไฟฟ้าอีกไม่ต่ำกว่าปีละ 550 ล้านบาท ทั้งยังมีงานรอให้ประมูลอีกกว่าหมื่นล้าน จึงน่าจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสายนี้ต่อไป
นายวัฒน์ชัยกล่าวทิ้งท้ายว่า “เรามั่นใจว่าปีนี้จะเป็นการเริ่มต้นปีทองของกลุ่มสามารถที่จะสร้างรายได้รวมทะลุ 30,000 ล้าน โดยทั้ง SAMTEL และ SIM จะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างรายได้ ส่วนเป้าหมายในการสร้างรายได้ประจำเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ ในปัจจุบันสัดส่วนรายได้ประจำของกลุ่มสามารถก็มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“กลุ่มบริษัทสามารถ” มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างครบวงจร ภายใต้บริษัทในเครือกว่า 20 บริษัท และมี 3 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน)
-นท-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit