ทุกภาคส่วนร่วมมือกันหยุดปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งของไทย ในเวทีเสวนาสาธารณะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด

23 Apr 2013

กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--สายสวรรค์ เว็บไลฟ์

ทุกภาคส่วนร่วมมือกันหยุดปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งของไทย ในเวทีเสวนาสาธารณะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ที่บ้านขุนสมุทรจีน ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เสาร์ที่ 27 เมษายนนี้

เรียบเรียงโดย สายสวรรค์ ขยันยิ่ง

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ หลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูง(บสส.)รุ่นที่ 4

ชุมชนบ้านขุนสมุทรจีน ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเฉพาะวัดขุนสมุทราวาส หรือวัดขุนสมุทรจีน ซึ่งยืนหยัดต่อสู้กับพลังธรรมชาติแห่งท้องทะเลมานานหลายทศวรรษ ผืนดินที่แต่เดิมเคยยื่นยาวออกไปในทะเล ถูกกัดเซาะกลืนกินเข้ามาจนสภาพภูมิศาสตร์เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด พื้นที่บ้านขุนสมุทรจีน ที่เคยมีมากกว่า 1,000 ไร่ในปี พ.ศ.2520 เหลือเพียงประมาณ 78 ไร่ ในปี พ.ศ.2555 ขณะที่พื้นที่ป่าชายเลนลดลงประมาณ 20,500 ไร่ คงเหลือประมาณ 3,800 ไร่ อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งทะเลยิ่งขึ้น ด้วยอัตราการกัดเซาะมากกว่า 25 เมตรต่อปี ทำให้บริเวณหมู่ที่ 9 พื้นที่หายไปประมาณ 1 กิโลเมตรแล้ว ในช่วง 28 ปีที่ผ่านมา นับเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงจนถึงขั้นวิกฤต ส่งผลให้ประชาชนอพยพย้ายถิ่นฐานออกไปจากพื้นที่ บ้างก็ถอยร่นเข้ามาจากทะเลปลูกบ้านเรือนอยู่แนวหลังวัดขุนสมุทรจีน และแทบไม่มีที่ไปอีกแล้ว จนชาวบ้านนำโดยนางสมร เข่งสมุทร ผู้ใหญ่บ้านขุนสมุทรจีน เป็นกำลังหลักรวมตัวชาวบ้านในการสู้กับปัญหาด้วยแนวคิดที่ว่า "เราถอยไปไม่ได้อีกแล้ว...และถ้าเราอยู่ไม่ได้ต่อไปพระสมุทรเจดีย์ หรือแม้แต่กรุงเทพฯ ก็คงอยู่ไม่ได้เช่นกัน" นอกจากนี้ ภูมิศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงจากผลกระทบเรื่องโลกร้อน ยังส่งผลต่อการประกอบอาชีพการทำประมงชายฝั่งและเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเลชายฝั่งซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวบ้าน เนื่องจากที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำน้อยลง และยังถูกซ้ำเติมจากธุรกิจประมงขนาดใหญ่เข้ามากอบโกยทรัพยากรในท้องถิ่น ทำให้ชาวบ้านหมดช่องทางทำมาหาเลี้ยงชีพ กระทบต่อวิถีชีวิตทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมากว่า 300 ปี “วิิถีชีวิตของชาวบ้านขุนสมุทรจีนที่พออยู่พอกิน ออกทะเลเพื่อหาหอย หาปู แม้กระทั่งคนอายุ 70 ปี ก็ยังสามารถออกทะเลหาเลี้ยงชีพพอกินได้ คนในท้องถิ่นส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเงิน เรือยังไม่ค่อยมีกันเลย มีแค่สวิงอัน มีถังใบ มีกระดานแผ่น ก็สามารถงมหอย จับปู เลี้ยงตัวพออยู่รอดได้ วันสองร้อย สามร้อย ห้าร้อย โชคดีเป็นพันก็มี ชีวิตพออยู่พอกินแบบนี้จะหาที่ไหน....แต่เดี๋ยวนี้หายไปหมด หาแบบเดิมไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังพอมีพออยู่พอกิน สมัยก่อนพวกเราร่ำรวยจากธรรมชาติ ออกไปวางปลาที ได้ปลาทูมาต้มเป็นหม้อๆ ตัวใหญ่สามสี่นิ้ว พอค้างคืนก็ไม่กิน โยนทิ้งเลย เพราะตื่นเช้ามาก็ออกปลาอีก ก็ได้กลับมาอย่างเหลือเฟืออีก หน้าบ้านเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตนี่เอง ถ้ามีกำลังก็ออกไปโกยเอา" ผู้ใหญ่สมรฉายภาพในอดีต

การดำเนินการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่หมู่ที่ 9 บ้านขุนสมุทรจีน ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 จนถึงปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่ชาวบ้านทำ "เขื่อนหินทิ้ง" คือช่วยกันนำหินมากองกับดินโดยไม่ได้ใช้โครงสร้างที่เป็นฐานราก "เขื่อนเสาไฟฟ้า" คือใช้เสาไฟฟ้าปักเรียงกันเป็นแนวยาวในทะเลเพื่อป้องกันความแรงของคลื่น บางครั้งมีการใช้ยางรถยนต์สวมเสาไฟฟ้าเพื่อช่วยลดความแรงคลื่นเพิ่ม ต่อมาหน่วยงานต่างๆ ได้นำไม้ไผ่มาปักเป็นแนวป้องกันคลื่น หรือ "เขื่อนไม้ไผ่"หลายครั้ง หลายรูปแบบ รวมทั้งมีการลงพื้นที่ศึกษาวิจัยจากหลายสถาบัน ผลงานการวิจัยที่สำคัญที่บ้านขุนสมุทรจีนและเป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่เป็นหาดเลนของประเทศไทย โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) ได้สนับสนุนงานวิจัย "โครงการศึกษาบูรณาการเชิงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลของจังหวัดสมุทรปราการ" ในระยะแรก ด้วยงบประมาณ 5 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังมีการทำบันทึกข้อตกลงกับจังหวัดสมุทรปราการ ให้ทางจังหวัดสนับสนุนงบประมาณในส่วนที่เป็นสิ่งก่อสร้างเพื่อเป็นแนวกันคลื่นของโครงการฯ จำนวน 5 ล้านบาท เกิดเป็นผลงานการก่อสร้างเขื่อนสลายกำลังคลื่นขึ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ.2550 เป็นเสาคอนกรีตทรงสามเหลี่ยม ปักลึกลงในทะเล เรียงแถวสามชั้น ห่างกัน 1.5 เมตร ในลักษณะฟันปลา และเรียงยาวประมาณ 250 เมตร เมื่อคลื่นซัดเข้ามากระทบเสาคอนกรีต คลื่นจะแตกออก 2 ข้าง และสะท้อนไปมาตามแนวเสา จึงลดแรงปะทะของคลื่น และค่อยๆสลายตัวลง โดยตะกอนที่ลอยมาจะตกตะกอนบริเวณชายฝั่งหลังแนวเขื่อน เขื่อนสลายกำลังคลื่นนี้ ได้รับการจดสิทธิบัตรชื่อว่า "ขุนสมุทรจีน 49A2”งานวิจัยชิ้นนี้สามารถหยุดยั้งการกัดเซาะชายฝั่งได้ โครงสร้างยังคงทนอยู่จนถึงปัจจุบัน และการเสริมสร้างตะกอนด้านท้ายเขื่อนทำให้สามารถปลูกป่าชายเลนเพิ่มมากขึ้น และเป็นที่หลบภัยจากคลื่นลมแรงของสัตว์บางชนิดได้ แต่ด้วยการขาดงบประมาณสนับสนุนให้ดำเนินการต่อไปได้ โครงการดังกล่าวจึงยุติลง และเห็นผลได้ในพื้นที่เพียงส่วนเสี้ยวหนึ่งของปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งเท่านั้น

อีกด้านหนึ่ง กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินโครงการศึกษาและออกแบบระบบป้องกันน้ำท่วม ระบบระบายน้ำ และระบบแก้ไขการกัดเซาะชายฝั่งทะเล พื้นที่ชุมชนวัดขุนสมุทรจีนและชุมชนต่อเนื่อง ใช้เวลามากว่า 5 ปีในการศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียด ได้ข้อสรุปให้สร้างแนวสลายพลังงานคลื่น ความยาว 3,600 กิโลเมตร กินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ป้อมพระจุลจอมเกล้า ไปจนถึง ต.นาเกลือ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ซึ่งหมายความว่า บริเวณบ้านขุนสมุทรจีน และวัดขุนสมุทรจีน จะอยู่ในแนวสลายพลังงานคลื่นนี้ด้วย โดยนอกจากลดพลังงานคลื่นแล้ว ยังเพิ่มโอกาสในการตกตะกอนและการเกิดขึ้นของป่าชายเลน เป็นการลดการกัดเซาะชายฝั่งทะเล นอกจากนี้ยังออกแบบระบบระบายน้ำ ถนน ลานจอดรถ ลานสันทนาการและท่าเทียบเรือ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยววัดขุนสมุทรจีนและพื้นที่ข้างเคียงอีกด้วย

ล่าสุด การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจรภาคกลาง ตอนกลาง 5 จังหวัด หรือ เบญจบูรพา (จังหวัดฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นครนายก สระแก้ว และปราจีนบุรี) ระหว่างวันที่ 30-31 มีนาคม 2556 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จังหวัดฉะเชิงเทรา นายคณิต เอี่ยมระหงส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้เสนอโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนบริเวณวัดขุนสมุทรจีน จังหวัดสมุทรปราการ ผลการศึกษาของกรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยโครงการดังกล่าว ใช้งบประมาณ 2,729 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 ปี ครอบคลุมพื้นที่หลักๆประกอบด้วย 1. พื้นที่ชุมชนบริเวณวัดขุนสมุทรจีน และชุมชนต่อเนื่อง ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทร ปราการ 2. พื้นที่ชุมชนวัดสาขลาและชุมชนต่อเนื่อง ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ 3. พื้นที่เทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า เทศบาลตำบลพระสมุทรเจดีย์ และชุมชนต่อเนื่อง

การแก้ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งในประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณบ้านขุนสมุทรจีน เป็นเรื่องที่หลายหน่วยงาน รวมทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆ มีความสนใจเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา และลงพื้นที่ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำเสนอแนวทางแก้ปัญหากันหลายต่อหลายครั้ง แต่การดำเนินการยังขาดความต่อเนื่องและเป็นเอกภาพ เนื่องจากองค์ความรู้ รวมถึงกฎหมาย ระเบียบข้อปฏิบัติในการดำเนินการของแต่ละหน่วยงาน มีความแตกต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขออนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการ และการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มีความละเอียดอ่อน และเป็นเรื่องท้าทายในการแก้ปัญหาให้ทันวิกฤตการณ์การกัดเซาะแผ่นดินที่รุกคืบเข้ามาทีละน้อย เสมือนภัยเงียบ ซึ่งในอีก 30-40 ปีข้างหน้า ผืนดินที่ติดทะเลของไทย 2,600 กิโลเมตร จะถูกกลืนหายไปกลายเป็นทะเลอีกไม่รู้เท่าไร

ผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูง (บสส.)รุ่นที่ 4 ภายใต้การดำเนินการอบรมของสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหานี้ ประกอบกับข้อกำหนดของหลักสูตรที่ผู้เข้าอบรมต้องจัดเวทีเสวนาสาธารณะในหัวข้อที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ บสส.4 จึงเลือกนำเสนอปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยมุ่งเน้นที่บ้านขุนสมุทรจีน ซึ่งเป็นจุดที่วิกฤตที่สุดของประเทศ เป็นต้นแบบ เริ่มจากการศึกษาข้อมูลทางวิชาการและข่าวสารที่ปรากฏทางสื่อมวลชนมาเป็นเวลานาน รวมทั้งการลงพื้นที่รับฟังปัญหาทั้งจากผู้ใหญ่บ้านสมร เข่งสมุทร ผู้นำคนสำคัญของชุมชนแหลมฟ้าผ่า ปลัด อบต.แหลมฟ้าผ่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดสมุทรปราการ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นอกจากนี้ ยังติดตามสัมภาษณ์นักวิชาการที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนรัฐบาล เพื่อรวบรวมประเด็นต่างๆ เตรียมการเปิดเวทีเสวนาสาธารณะในวันที่ 27 เมษายนนี้ ซึ่ง ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันผ่านรายการทางวิทยุจุฬาฯ ว่ายินดีไปเป็นประธาน และร่วมพูดคุยหาแนวทางแก้ปัญหาในเวทีดังกล่าวให้เกิดความชัดเจนเป็นรูปธรรมในฐานะที่กำกับดูแลหน่วยงานทางด้านนี้โดยตรง ขณะที่ พ.จ.อ.อุดร บุญช่วยแล้ว ปลัด อบต.แหลมฟ้าผ่า เปิดเผยว่า มีความคาดหวังสูงมากกับเวทีเสวนาในครั้งนี้ เนื่องจากจะเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสมานั่งคุยกันแบบครบทุกภาคส่วนจริงๆ หลังจากที่การแก้ปัญหาที่ผ่านมายาวนานไม่ขับเคลื่อนไปไหน เพราะแต่ละหน่วยงานก็ทำไปตามแนวทางของตัวเอง ไม่ได้บูรณาการกันอย่างแท้จริง และที่พิเศษคือการเสวนาที่จัดโดยคณะผู้เข้าอบรมหลักสูตรซึ่งเป็นสื่อมวลชนอาวุโสจำนวนมาก ก็คาดว่าจะมีพลังในการสื่อสารประเด็นออกไปสู่สาธารณะได้อย่างดียิ่ง ส่วนผู้ใหญ่สมร ก็ฝากขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมให้เกิดการเสวนาในครั้งนี้ขึ้น และเชิญชวนให้สื่อมวลชนติดตามแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องนี้กันให้ถึงที่สุด เพราะโดยส่วนตัวแล้วจะยืนหยัดต่อสู้ไม่หนีไปไหน และจะคอยเป็นด่านปกป้องกรุงเทพฯไว้ เป็นการทำถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและประเทศไทย

เวทีเสวนาสาธารณะ เรื่อง "กู้วิกฤตขุนสมุทรจีน...ป้องกันชายฝั่งอย่างยั่งยืน" โดย ผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูง (บสส.)รุ่นที่ 4 จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2556 ตั้งแต่เวลา 09:00 น.-16:30 น.ที่บ้านขุนสมุทรจีน ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ กิจกรรมจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ในภาคเช้าเป็นการเสวนา ที่ประกอบด้วยตัวแทนทุกภาคส่วน ได้รับเกียรติจาก ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี นายเกียรติศักดิ์ จันทรา รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พ.จ.อ.อุดร บุญช่วยแล้ว ปลัด อบต.แหลมฟ้าผ่า ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของผลงานวิจัยขุนสมุทรจีน 49A2 และนางสมร เข่งสมุทร ผู้ใหญ่บ้านขุนสมุทรจีน นอกจากนี้ บสส.4 ยังได้เชิญผู้มีบทบาทเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้าร่วมสังเกตการณ์และเสนอความคิดเห็น อาทิ นายประชา ประสพดี รมช.กระทรวงมหาดไทย และ ส.ส.สมุทรปราการ นายนพพล ศรีสุข อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ผู้แทนหน่วยงานในกองทัพเรือ ประกอบด้วย กรมอุทกศาสตร์ ฐานทัพเรือกรุงเทพ กองเรือทุ่นระเบิด อู่เรือพระจุลจอมเกล้า และเจ้าของพื้นที่ในจังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายก อบจ. นายก อบต. เป็นต้น ที่สำคัญคือ ชาวชุมชนขุนสมุทรจีน ที่ต่อสู้ด้วยตัวเองอย่างเข้มแข็งมาเป็นเวลายาวนาน จบแล้วรับประทานอาหารกลางวันและปลูกป่าชายเลนร่วมกันในช่วงบ่าย

กิจกรรมนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ และ เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด รวมทั้ง บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และชาว บสส.4 ทุกคน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานในครั้งนี้ขึ้นให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างแท้จริง จึงขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมเป็นกำลังใจให้ชาวบ้านขุนสมุทรจีน และติดตามแนวทางแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง

-นท-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net