กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--เพนเน็ตเทรท
บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT หนึ่งใน ผู้ให้บริการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจรชั้นนำของโลก เปิดตัวบริษัท SS RFID ผลิต RFID Tags (หรือฉลากอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ) ด้วยเทคโนโลยีที่ผลิตได้เร็วและทันสมัยที่สุดของโลก ร่วมทุนกับบริษัท ซินโฟเนีย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) จากประเทศญี่ปุ่น รองรับการเติบโตของตลาดโลก
นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT กล่าวว่า RFID Tags หรือ ฉลากอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีในการระบุชื่อหรือลักษณะผลิตภัณฑ์ด้วยคลื่นวิทยุ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดโลกทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ขนส่ง โรงพยาบาล ซึ่งมีปริมาณการใช้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราไม่ต่ำกว่า 10% ทุกปี
“บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT มีประสบการณ์สูงในการผลิต RFID chip โดยใช้เทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกมากกว่า 5 ปี พร้อมกับมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทชั้นนำในธุรกิจ RFID เป็นทุนเดิม จึงได้ก่อตั้งบริษัท SS RFID ดำเนินการผลิต RFID Tags เพื่อตอบสนองกับตลาดที่เจริญเติบโตขึ้น ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาทซึ่งต่อมาบริษัท ซินโฟเนีย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าและเครื่องจักรชั้นนำของโลกมีอายุการก่อตั้งมาเกือบ 100 ปี ได้เข้ามามีสัดส่วนในการถือหุ้นของบริษัท SS RFID จำนวน 25 เปอร์เซ็นต์ และได้สนับสนุนทางด้านเทคโนโลยีการผลิต RFID Tags ที่ทันสมัยที่สุดในโลก รวมถึงการสนับสนุนด้านการตลาดและการขาย
บริษัทฯ คาดว่าตลาด RFID Tags จะเติบโตอย่างสูงทั้งในตลาดโลก รวมถึงในประเทศอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะการใช้งานในสนามบินนานาชาติ เพื่อเป็นฉลากอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะสำหรับการติดตามกระเป๋าเดินทาง รวมถึงเป็นฉลากอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะสำหรับสินค้าในร้านเสื้อผ้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำเพื่อระบุชื่อและลักษณะของผลิตภัณฑ์ของสินค้า จนกระทั่งเป็นบัตรผ่านทางของการทางพิเศษ บัตรโดยสารรถไฟฟ้า บัตรผ่านเข้าอาคารคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานต่างๆ และคาดว่าภายใน 5 ปี บริษัทฯ จะมีสายการผลิต RFID Tags มากกว่า 5 สายการผลิต ในหนึ่งสายการผลิตมีกำลังการผลิตประมาณ 100 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งบริษัทฯ มีเป้าหมายจะนำบริษัท SS RFID เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป”
ทั้งนี้ RFID Tags แบ่งออกเป็น ฉลากแบบความถี่วิทยุ HF ซึ่งสามารถอ่านป้ายในระยะทางที่ใกล้ และฉลากแบบความถี่วิทยุ UHF ซึ่งสามารถอ่านฉลากได้ครอบคลุมในระยะไกลหลายเมตร ซึ่งฉลากแบบ UHF คาดว่าจะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการกระจายสินค้า และการบริหารสินค้าในการขนส่งของธุรกิจค้าปลีกแทนบาร์โค้ดประเภท 1 และ 2 มิติ อันเนื่องจาก RFID Tags สามารถเก็บข้อมูลได้อัตโนมัติ รวมถึงสืบค้นข้อมูล และติดตามสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันได้มีการนำ RFID Tags ไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมค้าปลีกต่างๆ อาทิ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า ซึ่ง RFID Tags จะช่วยในการบริหารสินค้าคงคลัง ลดออกจากสต็อก และเข้าสู่กระบวนการครบวงจรได้เร็วขึ้น อีกทั้ง RFID Tags ยังสามารถประยุกต์กับระบบติดตามการขนส่ง และการเดินทางของสนามบิน อาทิ การเคลื่อนย้ายกระเป๋าเดินทาง การเข้าช่องทางพิเศษผ่านบัตร Easy Pass รวมถึงการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ ในการจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์
นอกจากนี้ซุปเปอร์มาร์เก็ต และ ห้างสรรพสินค้าระดับโลก อาทิเช่น Walmart, Marks & Spencer ได้มีการใช้ RFID Tags ปริมาณนับหลายล้านชิ้นต่อปี ยิ่งกว่านั้นสนามบินชั้นนำต่างๆ ก็ได้มีการใช้ RFID Tags สำหรับระบบเคลื่อนย้ายและติดตามกระเป๋าเดินทาง (Luggage Tracking System) อาทิ สนามบินนานาชาติฮ่องกง ซานฟรานซิโก ลาสเวกัส และคาดว่าระบบนี้จะถูกนำมาใช้ในสนามบินสุวรรณภูมิในอนาคต-กภ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit