เครือไทยออยล์จับมือมิตซุยแอนด์คัมปนีต่อยอดธุรกิจเป็นผู้บุกเบิกด้านการผลิตสาร LAB ที่ครบวงจรที่สุดรายแรกของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

12 Jul 2013

กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--ไทยออยล์

  • เปิดตัวบริษัทร่วมทุน ในนามบริษัท LABIX จำกัด เป็นผู้ผลิตสาร LAB ด้วยนวัตกรรมล่าสุดของ UOP ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยที่สุดในโลกและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • ลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาทสร้างโรงงานผลิตในประเทศไทยนำพาประเทศสู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
  • ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยการลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสาร LAB ต่อปีถึง 3,500 - 4,000 ล้านบาทและสร้างเม็ดเงินให้ประเทศอย่างน้อย 6,000 ล้านบาทต่อปี

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (ไทยออยล์) ผู้นำธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย บริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไทยออยล์ และ บริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี จำกัด (มิตซุย) บริษัท Trading ชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีเครือข่ายการค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่ง หนี่งของประเทศญี่ปุ่น ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ ต่อยอดธุรกิจเป็นผู้บุกเบิกด้านการผลิตสาร LAB ที่ครบวงจรที่สุดรายแรกของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดตัวบริษัทร่วมทุนในนาม บริษัท ลาบิกซ์ จำกัด ในฐานะผู้ผลิตสาร LAB (Linear Alkyl Benzene) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและสารซักล้างด้วยนวัตกรรมล่าสุด ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเงินลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท

การร่วมทุนในครั้งนี้จัดเป็นโครงการใหญ่ระดับชาติระหว่างไทยและญี่ปุ่นของปีนี้ นอกจากจะทำให้เกิดการสร้างงานและเศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวแล้วยังช่วยลดการขาดดุลการค้าและค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสาร LAB ถึง 3,500-4,000 ล้านบาทต่อปี และสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างน้อย 6,000 ล้านบาทต่อปี รวมถึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้มากขึ้นเพื่อรองรับการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี แล้วยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยญี่ปุ่นชื่นชมประเทศไทยว่ามีไมตรีจิตมิตรภาพ นอกเหนือจากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มากด้วยศักยภาพ

นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นของเครือไทยออยล์ ในการเป็นผู้นำธุรกิจเชิงบูรณาการด้านการกลั่น และปิโตรเคมีที่มีความต่อเนื่องอย่างครบวงจรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กอรปกับพันธกิจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่บนพื้นฐานแห่งความเชื่อมั่นเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน มุ่งเน้นหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมตลอดระยะเวลาในการทำธุรกิจเพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน บริษัทฯ โดยบริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไทยออยล์ ดำเนินธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี จึงได้จับมือกับ บริษัท มิตซุย แอนด์คัมปนี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ค้า สาร LAB (Linear Alkyl Benzene) รายใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการก่อตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อผลิตสาร LAB ได้เป็นรายแรกของประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าสารดังกล่าวจากต่างประเทศแล้วยังสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างน้อย 6,000 ล้านบาทต่อปี ช่วยสร้างงานและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่ชุมชน”

“เครือไทยออยล์ได้เริ่มทำการศึกษาการเพิ่มมูลค่าสารเบนซีน และพบว่าอนุพันธ์ของสารเบนซีน (Benzene Derivative) ที่มีศักยภาพทางธุรกิจและเหมาะสมกับเครือไทยออยล์ที่สุด คือ สาร LAB ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและสารซักล้าง โครงการผลิตสาร LAB ใช้วัตถุดิบหลัก คือสารเบนซีน (Benzene) และน้ำมันก๊าด (Kerosene)ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของเครือไทยออยล์ โดยกระบวนการผลิตทั้งหมดจะถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับโครงสร้างการผลิตของเครือไทยออยล์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะทำให้โครงการมีความได้เปรียบในด้านการผลิตเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่นๆ นอกจากนี้เครือไทยออยล์ยังใช้เทคโนโลยีการผลิตของบริษัท UOP ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมีความปลอดภัยสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นที่ยอมรับอย่างสูงในอุตสาหกรรม LAB และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาขึ้นล่าสุด เพื่อให้ได้หน่วยผลิต LAB ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด มีต้นทุนการผลิตต่ำและช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ นอกจากนี้สถานที่ตั้งโครงการอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ของประเทศ เนื่องจากสามารถขนส่งสินค้าได้ทั้งทางทะเล และทางรถยนต์ ทำให้บริษัทสามารถขนส่งผลิตภัณฑ์ไปยังลูกค้าทั้งในประเทศและส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายวีรศักดิ์กล่าวเสริม

นายคาซุยะ โอกามูระ เจ้าหน้าที่และประธานฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี จำกัด กล่าวว่า “มิตซุยแอนด์คัมปนีมีประวัติยาวนานกว่า 40 ปีในการค้า LAB โดยทางบริษัทได้สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าบนพื้นฐานของความไว้วางใจ โดยไม่มีบริษัทอื่นใดที่สามารถทำการตลาดมาได้อย่างยาวนานเช่นมิตซุยแอนด์คัมปนี โดยในปัจจุบัน ทางบริษัทสามารถรักษาอัตราส่วนการตลาดได้เกินกว่า 40% สำหรับตลาดในประเทศไทย จากความรู้, ประสบการณ์, บุคลากรและการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ทางบริษัทได้ประยุกต์สร้างธุรกิจผ่านการร่วมลงทุนล่าสุดกับไทยออยล์ใน LABIX ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ LABIX ทางบริษัทจะเข้าทำการสนับสนุนทางด้านการขายและการตลาด แม้ว่าเราไม่สามารถที่จะเจาะจงถึงลูกค้าได้ในวันนี้ กล่าวได้ว่าลูกค้าที่สำคัญจะเป็นกลุ่มผู้ผลิตผงซักฟอกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างเช่น เวียตนาม, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยพม่านั้นจะเป็นจุดต่อไปในอนาคต”

“LABIX จะเป็นโรงงานแห่งแรกในประเทศไทยที่ผลิตวัตถุดิบสำหรับผงซักฟอก โดยทางบริษัทรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมลงทุนรวมถึงมีส่วนร่วมในโครงการนี้กับไทยออยล์ จากการใช้วัตถุดิบจากโรงกลั่นที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน รวมถึงเป็นการผลิตภายในประเทศเพื่อใช้สำหรับอุตสาหกรรมในประเทศ ทำให้ลักษณะการประกอบกิจการมีความสามารถในการแข่งขันที่สูง ทั้งยังได้รับการขับเคลื่อนจากพันธมิตรที่แข็งแกร่ง โดยทางด้านการปฏิบัติการจากไทยออยล์ และด้านการตลาดจากมิตซุยแอนด์คัมปนี โดยทางบริษัทมีความเห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก อันเนื่องจากเป็นการเพิ่มมูลค่าให้เคมีพื้นฐานจากโรงกลั่น รวมถึงเป็นการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนในบริเวณนั้นด้วย โดยทาง LABIX จะเริ่มจำหน่าย LAB ให้กับลูกค้าในช่วงเวลาเดียวกับที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะเริ่มต้นขึ้นในปี 2015 ทางบริษัทอยากที่จะเน้นย้ำว่าโครงการนี้จะเป็นก้าวย่างที่สำคัญสำหรับไทยออยล์และมิตซุยแอนด์คัมปนี รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่น” นายโอกามูระกล่าวเพิ่มเติม

“ตลาดของสาร LAB มีความสัมพันธ์โดยตรงกับความต้องการสารทำความสะอาดและสารซักล้าง โดยความต้องการสาร LAB ในตลาดโลกปี 2555 อยู่ในราว 3.2 ล้านตันต่อปี โดยมีอัตราการเติบโตประมาณ 2-3% ต่อปี หรือมีความต้องการเพิ่มขึ้นประมาณ 70,000 – 100,000 ตันต่อปี โดยเอเชียมีอัตราการเติบโตสูงสุด เนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก และเริ่มมีการยกระดับคุณภาพการดำรงชีวิต ความต้องการสาร LAB ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2555 อยู่ในราว 400,000 ตันต่อปี โดยมีอัตราการเติบโตประมาณ 3% ต่อปี ผู้บริโภครายใหญ่คือประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์และไทย โดยโรงงานผลิตสาร LAB ในภูมิภาคฯ นี้ มีอยู่เพียงแห่งเดียว ทำให้ภูมิภาคฯ นี้ มีการนำเข้าสาร LAB สูงถึง 250,000 ตันต่อปี ฉะนั้นบริษัท ลาบิกซ์ จำกัดจะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายคาซุยะ โอกามูระ กล่าวเสริม

สาร LAB เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสารเคมีขั้นปลาย (Downstream Fine Chemical Product) กลุ่ม Surfactant ที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมผงซักฟอกและสารซักล้าง เครือไทยออยล์ โดยบริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด จึงได้พิจารณาแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) ที่จะเข้าร่วมสนับสนุนโครงการและพบว่า บริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี จำกัด เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการตลาด LAB เป็นอย่างดี จุดแข็งในด้านการผลิตของเครือไทยออยล์ และเครือข่ายการตลาดที่เข้มแข็งของมิตซุยจึงเป็นส่วนเสริมซึ่งกันและกันให้เกิดความได้เปรียบและความแข็งแกร่งทางธุรกิจ จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งบริษัท ลาบิกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในการบริหารจัดการธุรกิจ LAB โดยบริษัทร่วมทุนใหม่ที่จัดตั้งขึ้นนี้ถือหุ้นโดย บริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด และบริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 75 และ 25 ตามลำดับ

บริษัท ลาบิกซ์ จำกัด มุ่งเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศเป็นหลัก เพื่อทดแทนการนำเข้า และจากทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมยังสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังมีการนำเข้าสูงได้อีกด้วย โดยบริษัท ลาบิกซ์ จำกัด จะทำการตลาดร่วมกับบริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี จำกัด เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ พบปะลูกค้า และแลกเปลี่ยนข้อมูลการตลาด

-กภ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net