กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--ธามดี พลัส
“HYDRO” จ่อบันทึกรายได้จากการลงทุนและบริหารโครงการหวังปั๊มรายได้ระยะยาว ลดความเสี่ยง เชื่ออนาคตเสือนอนกิน
“ไฮโดรเท็ค” เผยครึ่งปีหลังเตรียมรับรู้รายได้จากการลงทุนและบริหารโครงการ (Build, Own and Operate: BOO หรือ Build, Operate and Transfer: BOT) ระบุเป็นรายได้มั่นคง สม่ำเสมอและระยะยาว ขณะเดียวกันก็หวังลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้หลักจากงานก่อสร้าง ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วน 50% ของรายได้รวมภายในปี 2560 ด้านแผนธุรกิจปีนี้เดินหน้ายื่นงานรัฐและเอกชนต่อเนื่อง รวมถึงงานต่างประเทศที่คาดว่าจะรู้ผลเร็วๆ นี้
นายสลิบ สูงสว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด (มหาชน) หรือ HYDRO ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง งานด้านบริหารจัดการ และธุรกิจลงทุนงานวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังของปี 2556 บริษัทจะรับรู้รายได้จากการลงทุนและบริหารโครงการ (BOO) ซึ่งเป็นงานระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้ทำสัญญากับบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPC โดยมีระยะเวลาสัญญา 10 ปี
สำหรับการลงทุนในรูปแบบ BOO หรือ BOT จะทำให้บริษัทมีรายได้ที่มั่นคงและสม่ำเสมอ รวมถึงลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากการก่อสร้าง ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 90% โดยบริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้จากการลงทุนดังกล่าวข้างต้นในปี 2556 ประมาณ 3 ล้านบาท และในปี 2557 อยู่ที่ 13 ล้านบาท นอกจากนี้ ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายว่าภายในปี 2560 รายได้จากการลงทุนจะอยู่ที่ 50% ของรายได้รวม
“เป็นปีแรกที่บริษัทจะรับรู้รายได้จากการลงทุน ซึ่งบริษัทมองเห็นโอกาสในธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมีความรู้ ความเชี่ยวชาญธุรกิจเกี่ยวกับน้ำอยู่แล้ว ขณะเดียวกันอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ของงานลงทุนจะสูงกว่างานก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังเป็นการลดการพึ่งพิงรายได้จากการก่อสร้าง ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท นอกจากการลงทุนโครงการ TPC แล้ว ล่าสุดบริษัทยังได้ทำสัญญาซื้อขายน้ำกับ 6 เทศบาลในจังหวัดเชียงใหม่ ระยะเวลาสัญญา 30 ปี ตอนนี้งานอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ โดยบริษัทคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนโครงการผลิตน้ำประปาดังกล่าวในครึ่งปีหลังของปี 2557 ประมาณ 36 ล้านบาท” นายสลิบ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังคงยื่นประมูลงานทั้งภาครัฐ และเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานในประเทศไทย บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นประมูลงานของหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง ซึ่งมีมูลค่างานประมาณ 1,000 ล้านบาท รวมไปถึงงานระบบบำบัดน้ำเสียที่คาดว่าจะได้มีการลงนามเซ็นสัญญาในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า
ขณะที่งานในต่างประเทศ บริษัทยังคงเร่งหางานอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศพม่า ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใจ (MOU) โครงการระบบบำบัดน้ำเสียของนิคมอุตสาหกรรม งบลงทุนจำนวน 350 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญาได้ในปีนี้ ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการรอผลการประมูลโครงการผลิตน้ำทะเลเป็นน้ำจืดในประเทศอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ารายได้ปี 2556 จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว และตั้งเป้ารายได้ของบริษัท 3 ปีข้างหน้า (2557-2559) น่าจะมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20% จากการที่บริษัทรุกงานทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ในมือประมาณ 14,600 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัท ปี 2553-2555 ตามลำดับ รายได้รวม 295, 691 และ 882 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18.84, 47.91 และ 56.49 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio หรือD/E) อยู่ที่ 1.46, 1.04 และ 0.94 ตามลำดับ
-กผ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit