กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--สหมงคลฟิล์ม
เรื่องความเร่าร้อน ความแรง คงต้องยกนิ้วให้ “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” เพราะไม่ว่าเธอคนนี้จะขยับตัวทำอะไรก็เป็นข่าวฮือฮาในวงการบันเทิงตลอดเวลา ล่าสุดกับผลงานการกำกับครั้งแรกแบบเต็มตัวของสาวตั๊ก ในภาพยนตร์ “นางฟ้า” เธอก็ยังคงความสามารถทางการแสดง พร้อมทั้งโชว์ความเซ็กซี่แบบที่ใครก็ไม่กล้าปฏิเสธความเร่าร้อนของเธอคนนี้ได้เลยสักครั้ง กับฉากสุดสยิวประชดรัก เมื่อ 3 สาวนางฟ้าได้แก่ รุ้ง รับบทโดย หญิง รฐา, เฟิร์น รับบทโดย ตั๊ก บงกช และมิ้นท์ รับบทโดย อมยิ้ม จุฬาลักษณ์ กำลังอวดเรือนร่าง วาดลีลานางโชว์บนเวทีอยู่ จู่ๆเฟิร์นก็เกิดอาการเศร้า น้อยใจในโชคชะตาชีวิตรักของเธอขึ้นมา ในที่สุดก็เลือกที่จะนำอารมณ์ดราม่าถ่ายทอดสู่การแสดงโชว์สุดเซ็กซี่ ยั่วหนุ่มๆจนเคลิ้ม ก่อนที่จะเริ่มทำร้ายตัวเอง โดยตั๊ก บงกช เล่าถึงฉากสำคัญ และบทเพลงประกอบที่สอดคล้องกับโชว์ในครั้งนี้ว่า
“เฟิร์นในเรื่องจะเป็นใบ้พูดไม่ได้ เชื่อคนง่าย หัวอ่อน และมักจะโดนหลอกอยู่เสมอ จึงทำให้เฟิร์นรู้สึกเสียใจกับตัวเอง และนำความรู้สึกนั้นมาถ่ายทอดใส่อารมณ์ดราม่า จัดเต็มอารมณ์ความประชดประชันเข้าไปในโชว์ ซึ่งโชว์นั้นก็มีรุ้ง รับบทโดย หญิง รฐา กับมิ้นท์ รับบทโดย อมยิ้ม จุฬาลักษณ์ ร่วมแสดงด้วย แต่พอเราใส่อารมณ์เต็มที่เข้าไป 2 คนนั้นก็จะเริ่มงงไม่เข้าใจว่าเฟิร์นกำลังทำอะไร เพราะก่อนหน้านี้ที่ซ้อมกันมามันไม่ใช่แบบนี้เลย ก็เป็นอีกหนึ่งโชว์ที่ดุเดือด เร่าร้อน ชุดเซ็กซี่มาก จริงๆมันจะออกแนวดราม่าด้วยซ้ำ เพราะต้องเต้นไป ร้องเพลง พร้อมร้องไห้ไปด้วย เป็นฉากที่ยากพอตัวเลย
สำหรับเพลงในโชว์นี้จะมีความหมายเกี่ยวกับผู้ชายที่มีหลายรัก ไม่คิดจะรักจริง คอยเอาแต่หลอกผู้หญิง จึงต้องใส่อารมณ์เต็มที่อย่างมาก เพื่อให้แสดงถึงความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในใจค่ะ ชื่อเพลง รู้ เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์นางฟ้าด้วยนะคะ นอกจากฝึกเต้นแล้ว ตั๊กก็ต้องไปฝึกเรียนภาษามือเพิ่มเติม ตอนแรกไม่ยากค่ะ แต่พอเริ่มเร็วขึ้นก็เริ่มงงละ(หัวเราะ) ไปเรียนกับครูที่สอนภาษามือโดยเฉพาะ วันถ่ายหนังครูเขาก็มาอยู่หน้ากองคอยช่วยสอนด้วยเช่นกันค่ะ”
ด้านสาวสวยนักแสดงฝีมือคุณภาพ หญิง รฐา แม้เธอจะเป็นเจ้าแม่ขาแดนซ์ แต่สำหรับเรื่องนี้เธอก็ยังต้องเข้าครอสซ้อมเต้นเพื่อให้ตรงตามคาแร็คเตอร์นางโชว์ที่ได้รับ ในแง่การถ่ายทอดตัวละครเธอก็สามารถสะท้อน และตีความออกมาได้อย่างลึกซึ้งกับเรื่องราวชีวิตที่เบื้องหน้าดูสวยงามแต่เบื้องหลังกับเต็มไปด้วยความหลากหลายของชีวิตดราม่าสุดเข้มข้น เผยถึงบทบาทความสำคัญและความสัมพันธ์ของ 3 สาวนางโชว์ที่น่าสนใจในเรื่องนี้ว่า
“สำหรับรุ้ง จะมีมิ้นท์กับเฟิร์น เปรียบเหมือนน้องสาวที่ทำงานในบาร์ด้วยกัน แต่รุ้งจะหยิ่งผยองหน่อย ยโสหน่อย ซึ่งในมุมของความเป็นเพื่อนก็เป็นคนรักเพื่อน เพียงแค่ปลอบใครไม่เป็นเวลาเห็นใครร้องไห้ ด้วยวิธีการเป็นคนพูดโผงผาง เป็นคนพูดตรงๆ อ้อมค้อมไรไม่เป็น ก็จะเรียกได้ว่าเป็นคาแร็คเตอร์ผู้นำของกลุ่ม เป็นรุ่นพี่ของกลุ่ม แต่ดันเป็นรุ่นพี่ที่ขวานผ่าซากเหลือเกินที่ไม่มีความอ่อนน้อม และก็มีความทะเยอทะยาน เรียกได้ว่าผู้หญิง 3 คนนี้ มีโชคชะตาที่มาเจอกันแต่จุดจบไม่เหมือนกัน โดยเฟิร์นเองเป็นผู้หญิงที่พูดไม่ได้ แต่มีทักษะในเรื่องของการมอง การจับจังหวะในการเต้น เลยทำให้เธอมีพัฒนาการของการเต้น ในขณะที่มิ้นมีทักษะในเรื่องของการเต้น แล้วเธอก็มีความรัก แต่ความรักนำเธอพาสู่เรื่องอะไรก็ต้องไปติดตามดูภาพยนตร์”
นอกจากนี้ วิโรจน์ ศรีสิทธ์เสรีอมร ผู้เขียนบทและร่วมกำกับภาพยนตร์ นางฟ้า เล่าเสริมถึงความพิเศษ และสิ่งที่แตกต่างจากภาพยนตร์ไทยทั่วไปว่า
“หนังเรื่องนี้มีเพลงเป็นส่วนประกอบ มีการเต้นเป็นส่วนประกอบแล้ว ยังเป็นชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทยมากนัก การดำเนินเรื่องถึงแม้จะเป็นหนังชีวิต แต่จะมีความต่างจากหนังชีวิตทั่วไปด้วยวิธีการเล่าที่ต่างครับ และพอมันเป็นหนังเต้นที่จะต้องใช้เพลงประกอบ ซึ่งจะต้องแต่งขึ้นมาใหม่สำหรับการแสดงมันจะต้องมีผูกเรื่องเนื้อหาเข้าไปในหนังด้วย ฉะนั้นเพลงที่คิดขึ้นมาจะต้องคล้อยตามไปกับเนื้อเรื่องหนังได้ และก็จะต้องบอกอารมณ์ของตัวละครแต่ละช่วงเวลาของหนัง คนที่จะแต่งเพลงก็จะต้องอ่านบทให้จบและต้องมาคุยกับคนออกแบบท่าเต้น ให้ชัดเจนว่าแนวทางที่จะออกมาเต้นในเนื้อหาตอนนี้ลักษณะท่าเต้นจะเป็นอย่างไร การเตรียมงานละเอียดอ่อนมาก ผมคิดว่าหากคุณได้ชม เรื่องราวชีวิตผู้หญิง 3 คนที่ให้ความสุขกับผู้ชายยามค่ำคืน แล้วจะพบคำตอบสุดท้ายว่ามันเป็นยิ่งกว่า นางฟ้า แน่นอนครับ และหวังว่าคนดูจะเปิดโอกาสให้กับหนังเรื่องนี้ด้วยครับ”
6 มิถุนายนนี้ เปิดโลกนางโชว์ พร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์
-นท-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit