“ตงฟง มอเตอร์ส” ขึ้นแท่นครองผู้นำตลาดรถพาณิชย์จีนในเมืองไทย พร้อมเดินหน้าขยายฐานการผลิตรองรับ AEC

13 Jun 2013

กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--บีโอดับเบิลยู

นายพิทยา ธนาดํารงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ผู้นำตลาดรถมินิทรั๊คค่ายแดนมังกร ที่ครองตำแหน่งอับดับหนึ่งรถยนต์พาณิชย์จีนที่ถือว่าเป็นขวัญใจของชาว SMEs ไทย เผยไม่หวั่นคู่แข่งแบรนด์รถจีนค่ายใหม่ ที่กำลังจะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย เชื่อมั่นในความเป็นผู้นำด้านการทำตลาดรถจีนในเมืองไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง จากยอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 พร้อมเผยการเตรียมแผนขยายฐานโรงงานการผลิต รับการก้าวสู่ AEC อย่างมีศักยภาพ

“ด้วยการขยายตัวที่สูงขึ้นของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนจนเกิดภาวะสินค้าล้นตลาด ทำให้รถยนต์จีนของแบรนด์ต่างๆเริ่มขยายการทำตลาดนอกประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทย ที่จัดว่าเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมรถยนต์ในอาเซียน และยังเป็นฐานการผลิตให้กับรถยนต์ชั้นนำของโลกหลายยี่ห้อ โดยมีกำลังผลิตอยู่ที่ 2,500,000 คัน ถือว่าเป็นที่ 5 ของเอเชีย และเป็นที่ 9 ของโลก ทั้งยังเกี่ยวข้องกับอะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆมากมาย เฉพาะชิ้นส่วนที่สำคัญมีถึง 3,000 ชิ้นส่วน และมีอะไหล่ต่างๆ อีกถึง 30,000 ชิ้นส่วน จึงทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จึงเห็นได้ว่ามีค่ายรถจีนใหม่ๆ หันมาสร้างสีสันในแวดวงยานยนต์ไทยอย่างมาก” นายพิทยา กล่าว

“อย่างไรก็ตาม จากที่ ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ได้ทำตลาดรถมินิทรั๊คในเมืองไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 จนถึงปัจจุบัน และประสบความสำเร็จด้วยการมียอดขายที่เติบโต 50% ต่อเนื่องกันมาทุกปีนั้น มองว่า รถจีนที่จะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยไม่ได้เป็นคู่แข่งกับ ตงฟง มอเตอร์ส เนื่องจากเป็นรถคนละกลุ่ม แต่ทางบริษัทฯกลับมองว่าเป็นโอกาสอันดีกับตงฟง ที่มีแบรนด์รถอื่นๆจากจีนเข้ามามากขึ้น เพราะส่งผลให้ตลาดรถจีนในเมืองไทยเป็นที่น่าสนใจและยังเป็นทางเลือกใหม่ของลูกค้าอีกด้วย จากการทำตลาดรถจีนในเมืองไทยมาหลายปีทำให้เราเข้าใจถึงกลุ่มเป้าหมายชัดเจนมากขึ้นว่า ลูกค้าหันมาให้ความสำคัญในเรื่องราคาควบคู่คุณภาพ ทำให้เรามองเห็นทิศทางการตลาดของการปรับตัวเพื่อเข้าสู่ AEC อย่างมีประสิทธิภาพ และเหฌนถึงกลไกการเติบโตด้านนวัตกรรมของโลกรถยนต์ที่พัฒนาไปเรื่อยๆ แน่นอนว่ารถจีนกำลังตอบโจทย์รถยนต์ประเภทeconomic ที่ประหยัดทั้งในเรื่องต้นทุน และประหยัดพลังงาน”

นายพิทยา ผู้กุมบังเหียนตลาดรถพาณิชย์จีนในไทย ยังกล่าวเสริมอีกว่า “สำหรับแผนการก้าวเข้าสู่ AEC ในปี 2558 บริษัทฯ ได้เตรียมขยายฐานกำลังผลิตของโรงงานผลิตและประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ ที่ตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา โดยเตรียมการขยายในเฟสที่ 2 ที่จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากเฟสที่ 1 ทั้งในเรื่องเครื่องจักรที่ทันสมัย line การผลิตใหม่ๆ พร้อมกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการเป็นฐานการผลิตส่งออกรถยนต์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรองรับตลาดทั้งในประเทศที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นฐานการผลิตส่งออกรถยนต์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรองรับตลาดทั้งในประเทศอีกด้วย โดยตั้งเป้าหมายการผลิตที่ 10,000 คันต่อปี ในปี 2015 ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่า รถยนต์ของตงฟง เป็นรถที่เหมาะกับประเทศที่กำลังพัฒนาและเต็มไปด้วยผู้ประกอบการระดับ SMEs ในระดับเล็กหรือกำลังเริ่มต้น ที่ความต้องการทางรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่มีขนาดเหมาะสม ซึ่ง ตงฟง สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของสมรรถนะ ความคุ้มค่า และคุณภาพที่ดี ตลอดจนการบริการหลังการขายที่ครบวงจร เราเชื่อมั่นว่า รถยนต์ตงฟง จะสามารถก้าวเข้าสู่ความเป็นค่ายรถยนต์ชั้นนำในไทยและ AEC ได้ในเวลาไม่ช้าและยังส่งเสริมเศรษฐกิจด้านยานยนต์ของประเทศอีกด้วย"

ตั้งแต่นี้คงต้องคอยจับตาดูค่ายรถจีนต่างๆ อย่างไม่กระพริบตา ตงฟง เจ้าตลาดรถจีน ยังคงยึดหัวหาดพื้นที่อย่างแข็งขัน เพราะมีพันธมิตรคู่ใจชาว SMEs อย่างลิสซิ่งกสิกรไทย คอยสมทบกำลังการซื้อรถตงฟงให้กับคนไทยอย่างใกล้ชิด ขณะนี้คุณพิทยา ผู้บริหารค่ายตงฟง จึงเป็นเสมือนกูรูยานยนต์จีนในไทยที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง

เกี่ยวกับ ตงฟง มอร์เตอร์ส (ประเทศไทย)

บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นตัวแทนรถยนต์ตงฟง จากค่ายรถยนต์ระดับแนวหน้า ที่มียอดการผลิตเป็นอันดับ 2 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำหน้าที่ผลิตและจำหน่ายรถตงฟง บริหารเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายกว่า 45 แห่งทั่วประเทศ ดำเนินงานการตลาด และบริหารการบริการหลังการจำหน่ายสู่ความเป็นเลิศ ให้กับรถยนต์ของตงฟงทุกคันในประเทศไทย ในปี 2553 บริษัทฯได้มีการลงทุนร่วมกับ ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศจีน) ตั้งโรงงานผลิต และประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ของตงฟงในประเทศไทย เพื่อการจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN) โดยปัจจุบันมียอดจำหน่ายในตลาดไทยแล้วกว่า 5,000 คัน ประกอบด้วยมินิทรั๊ค 2 รุ่น ขนาดเครื่องยนต์ 1,100 CC และ 1,300 CC, มินิแวน รถตู้เพื่อการพาณิชย์ 2 รุ่น ขนาดเครื่องยนต์ 1,100 CC และ 1,300 CC และรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง รุ่น V27 ขนาดเครื่องยนต์ 1,300 CC ทุกรุ่นใช้เบนซินและ LPG ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Hotline : 02-3058513, 1-401-555-222 พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง

-กผ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net