กรุงเทพฯ--7 ม.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
กองทริกเกอร์หุ้นจีน “ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8%” กองที่ 5 ทำกำไรเข้าเป้า 8 % อีกแล้ว รอบนี้ใช้เวลาแค่ 4 สัปดาห์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ พร้อมลุยเสนอขาย กองใหม่ “ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8%” กองที่ 6 ลงทุนหุ้นจีนต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายทำกำไร 8% ภายใน 8 เดือน
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่าหลังจากที่ บลจ. ทิสโก้ ได้เปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 5” (TISCO China Trigger 8% Fund # 5) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ที่เสนอขายไปในปลายเดือน พ.ย.55 โดยลงทุนผ่านกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ ได้แก่กองทุน Lyxor ETF China Enterprise (HSCEI) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI) นั้น
ล่าสุดกองทุนดังกล่าวสร้างผลตอบแทนที่ 8% ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้ก่อนอายุโครงการ โดยใช้เวลาเพียงประมาณ 4 สัปดาห์นับจากจัดตั้งกองทุน โดย NAV ของกองทุน ณ วันที่ 2 ม.ค. 56 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 10.9788 บาท ต่อหน่วย ทำให้เข้าเงื่อนไขการเลิกโครงการได้ก่อนกำหนด นับเป็นการตอกย้ำมุมมองที่แม่นยำในการลงทุนของทิสโก้กับการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะหุ้นจีน อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 4” เพิ่งจะทำผลตอบแทนเข้าเป้าหมายโดยใช้ระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ทุบสถิติกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่สร้างผลตอบแทนถึงเป้าหมายโดยใช้ระยะเวลาสั้นที่สุดของทิสโก้อีกด้วย “ปัจจัยที่ทำให้กองทาร์เก็ตฟันด์ของทิสโก้มีผลงานโดดเด่นกว่าที่อื่นคือ การจับจังหวะการลงทุนที่แม่นยำ โดยเรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่คอยประเมินข้อมูลเศรษฐกิจรอบด้าน และมีทีมกลยุทธ์การลงทุน หรือ Wealth Strategist จากทิสโก้ เวลธ์ คอยจับจังหวะการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ลูกค้า เห็นได้จากเมื่อปีที่ผ่านมา ทิสโก้สามารถปิดกองทุนก่อนกำหนดได้ถึง 6 กอง โดยกองทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% กองที่ 4 นับเป็นกองที่สามารถปิดภายใน 3 สัปดาห์ ถือว่าเร็วที่สุดในประวัติการณ์ และกองที่ 5 ก็ยังสามารถปิดได้ภายใน 4 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าเร็วกว่าเป้าหมายที่คาดไว้อย่างมากเช่นกัน” นายสาห์รัชกล่าว
“สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นจีนนั้น เราถือเป็น บลจ. เจ้าแรกๆที่หันกลับมาเชียร์การลงทนในตลาดหุ้นจีนอีกครั้ง หลังมีสัญญานว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มจะผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส3 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับเล็งเห็นว่ารัฐบาลใหม่ของจีนน่าจะกลับมาเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีนที่ผู้ลงทุนควรให้ความสนใจ”
ทั้งนี้ ปัจจุบันบลจ. ทิสโก้ กำลังอยู่ระหว่างเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% #6 ” (TISCO China Trigger 8% Fund # 6) โดยจะลงทุนผ่านกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ Hang Seng H-Share Index ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI) หรือ H-Shares โดยมีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน หรือสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท โดยเปิดเสนอขายตั้งแต่วันนี้ - 14 ม.ค. 56 ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
เนื่องจากกองทุนมีการกำหนดเงื่อนไขการเลิกกองทุนก่อนกำหนด ผู้ลงทุนควรตระหนักว่า การกำหนดอัตราผลตอบแทนในเงื่อนไขการเลิกกองทุนก่อนกำหนด มิได้เป็นการรับประกันหรือทำให้คาดหวังว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามอัตรานั้น
ทั้งนี้ผลตอบแทนดังกล่าวเป็นผลตอบแทนก่อนหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการยกเลิกกองทุน-กภ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit