เทศกาลนิทานในสวน ปีที่ 9 : ก้าวสำคัญจากปฐมวัยสู่ก้าวยิ่งใหญ่แห่งพัฒนาการ

03 Jan 2013

กรุงเทพฯ--3 ม.ค.--มูลนิธิเอสซีจี

แดดร่มลมตก สายลมพัดเอื่อยพอให้เย็นชื่นใจ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี มีเสียงนก มีเสียงยอดไม้เสียดสีพริ้วไหวตามแรงลม...นับเป็นภาพฝันของหลายครอบครัว ยิ่งเมื่อได้อยู่ร่วมกันแล้ว สายสัมพันธ์ย่อมแน่นแฟ้น และจะดีแค่ไหนหากพ่อแม่ได้นั่งเล่านิทาน อ่านหนังสือให้ลูกน้อยฟังท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ แค่คิดก็อดอมยิ้มไม่ได้แล้ว

นับเป็นโอกาสดีที่ทุกวันเสาร์ปลายปี ชาวกรุงเทพฯ จะมีนัดกัน ณ สวนสาธารณะกลางกรุงเพื่อร่วมกิจกรรมดีๆ ใน 'เทศกาลนิทานในสวน ปีที่ 9' โดยมูลนิธิเอสซีจี และมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก ร่วมสนับสนุนพื้นที่จัดงาน โดยกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ใหญ่ใจดี มอบของขวัญชิ้นงามนี้ทอดยาวไปจนถึงต้นปีหน้ากันเลยทีเดียว

สุรนุช ธงศิลา กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี บอกว่า เพราะอยากให้สังคมไทยให้ความสำคัญกับการใช้หนังสือภาพเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย (0 – 6 ปี) จึงจัดเทศกาลนิทานในสวนขึ้นถึงปีที่ 9 แล้ว "เราอยากให้เห็นความสำคัญของเครื่องมือ คือ หนังสือภาพมาใช้พัฒนาสมองลูกน้อย เพราะในแง่วิชาการแล้ว ช่วงสมองของคนอายุระหว่าง 0 - 6 ขวบ นับเป็นช่วงที่ดีที่สุด นี่คือวัยของพัฒนาการจริงๆ เด็กวัยนี้ หากได้รับการกระตุ้นอย่างถูกวิธี สมองจะพัฒนามาก และวิธีการที่ดีที่สุด ในที่นี้คือ ถูก ง่าย และดี คือการนำหนังสือภาพดีๆ มาใช้กับลูกอย่างสม่ำเสมอ เพียงวันละ 10 – 15 นาที คุณพ่อคุณแม่จะเห็นพัฒนาการของลูกเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน"

แน่นอนว่าการที่พ่อแม่ได้พาลูกน้อยมาในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยนิทาน เต็มไปด้วยหนังสือ เต็มไปด้วยเด็กวัยเดียวกัน นอกจากเป็นจุดเริ่มต้นที่จุดประกายให้คุณพ่อคุณแม่เห็นความสำคัญของการอ่านที่มีต่อลูกน้อยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งซึ่งสุรนุชเชื่อว่าสำคัญมาก คือ ความทรงจำดีๆ ที่จะติดตัวเด็กไปตลอดกาล "ลองนึกถึงถ้าเราเป็นเด็ก จะประทับใจแค่ไหนที่ได้เดินเข้ามาในบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยตัวละครต่างๆ ในหนังสือ เต็มไปด้วยหนังสือภาพมากมาย มีกิจกรรมสนุกสนานสวยงามหลากหลาย มีเด็กในวัยเดียวกันเต็มไปหมด แถมยังรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย เพราะมากับคุณพ่อคุณแม่ เชื่อว่าความทรงจำอันงดงามนี้จะอยู่กับเด็กตลอดไปไม่ว่าจะโตแค่ไหน”

หากมองย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อนถึงปัจจุบัน มีผลงานวิจัยรวมถึงภาพที่เราเห็นกันจนชินตาว่าเด็กไทยอ่านหนังสือน้อย ทั้งๆ ที่คุณค่าของการอ่านหนังสือมีมากเหลือคณานับ โดยนพ.อุดม เพชรสังหาร รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท รักลูกแฟมิลี่กรุ๊ป จำกัด ได้ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า ในประเทศตะวันตก มีการใช้วรรณกรรมเพื่อพัฒนาคุณธรรมในวงการแพทย์กันเลยทีเดียว นั่นหมายความว่านิทานซึ่งถือเป็นวรรณกรรมสำหรับเด็กย่อมสร้างเด็กดีขึ้นมาได้ และนอกจากเรื่องคุณธรรมแล้ว นพ.อุดม ยังกล่าวต่ออีกว่า กิจกรรมเล่านิทาน อ่านหนังสือให้ลูกฟัง จะช่วยพัฒนาศักยภาพทางภาษาและการสื่อสารได้ "ที่ผมใช้คำว่าภาษาและการสื่อสารคือ ต้องพูดต้องสื่อสารให้คนอื่นรู้เรื่อง เช่นเดียวกันในขณะที่คนอื่นพูด คุณก็ต้องฟังให้รู้เรื่องแล้วพร้อมที่จะสื่อสารออกไปได้ กระบวนการนี้จะพัฒนาผ่านกระบวนการทางด้านภาษาและการสื่อสาร ในหนังสือนั้นจะบอกวิธีว่าเขาใช้ประโยคอย่างไร สื่ออย่างไร โต้ตอบอย่างไร"

เมื่อเป็นกิจกรรมดีเช่นนี้ หรรษา เตร์ยาซิงห์ จึงพาน้องเทนไซ หรรษกร เตร์ยาซิงห์ ลูกชายวัย 4 ขวบครึ่ง มาร่วมงานเทศกาลนิทานในสวนทุกปี ทั้งๆ ที่บ้านอยู่ จ.ชลบุรี หรรษาเล่าว่าปกติชอบเล่านิทานให้ลูกฟังอยู่แล้ว เพราะคิดว่านิทานมีประโยชน์หลายอย่าง หลายปีก่อนเมื่อรู้ข่าวจากอินเทอร์เน็ตว่ามีเทศกาลนิทานในสวนจึงลองมา ปรากฏว่าประทับใจมากจึงมาเป็นประจำทุกปี เธอบอกว่าตั้งแต่นำความรู้ และเทคนิคที่ได้จากงานกลับไปเล่านิทาน อ่านหนังสือให้ลูกฟังสม่ำเสมอ เธอเห็นพัฒนาการของลูกที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน "งานเทศกาลนิทานในสวนเป็นกิจกรรมที่ดีมีทั้งสาระและความสนุกสนาน มีหนังสือให้เลือกอ่านได้ตามใจ ถ้าอยู่ที่บ้านเราไม่สามารถไปซื้อหนังสือหลายร้อยเล่มให้ลูกได้ แต่ที่นี่มีหลายเล่มและที่สำคัญคือได้รับการคัดสรรให้เหมาะกับวัย นอกจากนี้ลูกชอบละครนิทานมาก มีตัวละคร มีเพลง ทำให้พิเศษกว่าการอ่านหนังสือโดยทั่วไป และมากไปกว่าความสนุกที่เขาได้รับแล้ว หนังสือภาพช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านภาษา สังเกตว่าเขารู้จักคำเยอะขึ้น พูดเก่ง รู้จักใช้คำ นี่เป็นพัฒนาการที่เห็นได้ชัดเลย นิทานเสริมสร้างจินตนาการ เสริมสร้างการใช้ภาษาจริงๆ ค่ะ"

เมื่อเห็นประโยชน์จนกลายเป็นแฟนประจำของเทศกาลฯ คุณแม่หรรษา จึงถือโอกาสบอกเล่าถึงโครงการว่า "ถือเป็นโครงการที่ดีโครงการหนึ่งของประเทศไทย เพราะการจัดแบบนี้ คนที่มาไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย และได้รับความรู้ดีๆ เทคนิคการเล่านิทาน อ่านหนังสือ อีกทั้งความสนุกสนานกลับบ้านไปเกิน 90 เปอร์เซ็นต์แน่นอน เพราะฉะนั้นควรที่จะมา อย่างน้อยให้เวลากับลูก เพียงแค่พามา เราจะไม่เสียอะไรเลย มีหนังสือภาพให้อ่าน ดีกว่าเสียเงินให้ลูกไปดูคอนเสิร์ตหรือไปเรียนพิเศษที่ต้องเสียสตางค์"

ด้าน ครูชีวัน วิสาสะ นักประพันธ์หนังสือภาพสำหรับเด็กระดับประเทศ มองว่า ต่อไปภายภาคหน้ากิจกรรมดีๆ เช่นนี้ไม่ควรกระจุกตัวในเมืองหลวง เพื่อพัฒนาโครงสร้างการอ่านหนังสือตั้งแต่จุดเริ่มต้น "กิจกรรมแบบนี้ไม่ใช่ว่าต้องให้มูลนิธิเอสซีจีเป็นเจ้าภาพ ทุกคนสามารถทำได้ แต่ละหน่วยงานสามารถสนับสนุนได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็เข้ามาขอคำปรึกษา ขอคำแนะนำ ขอสนับสนุนทางด้านบุคลากรก็ได้ นี่ถือเป็นตัวอย่างที่ดี ควรเอาอย่าง"

สุดท้าย สุรนุช ธงศิลา กล่าวย้ำว่า หากวันหยุดสุดสัปดาห์ยังเป็นวันว่าง หรือกำลังมองหากิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ลูกน้อย "เทศกาลนิทานในสวนเป็นกิจกรรมน่ารักๆ ที่เป็นทางเลือกหนึ่งให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในช่วงปฐมวัย อยากให้ลองพาลูกน้อยมาเที่ยวเทศกาลนิทานในสวน บางคนรู้อยู่แล้วว่ากระบวนการเล่านิทานเป็นเรื่องดี แต่ถ้าคนที่ไม่รู้ก็ลองพามา จะเห็นบรรยากาศ ได้สัมผัสหนังสือ และจะรู้ว่ามหัศจรรย์ของการใช้หนังสือภาพกับลูกเป็นอย่างไร ทุกวันเสาร์ เวลา 16.00 - 17.30 น. รวม 10 สัปดาห์"

วันเสาร์ที่ 8, 15, 22 ธ.ค.2555 และ 5 ม.ค.2556 ณ สวนลุมพินี บริเวณสวนปาล์ม

วันเสาร์ที่ 12, 19, 26 ม.ค.2556 และ 2 ก.พ.2556 ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)

วันเสาร์ที่ 9 และ 16 ก.พ.2556 ณ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

และนับเป็นโอกาสดีสำหรับครอบครัวชาวเหนือ สามารถเข้าร่วมงาน 'เทศกาลนิทานในสวน เชียงใหม่ ปีที่ 4' วันเสาร์ที่ 9, 16 กพ. และ 2, 9 มี.ค.2556 เวลา 16.00 - 17.30 ณ สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้า!

-กภ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net