กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--Mindshare
มายด์แชร์ เอเยนซี่เครือข่ายด้านการตลาดและการสื่อสาร เผยในวันนี้ถึงผลสำรวจเทรนด์สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ในปี 2013 “Health & Wellness 2013” พบคนไทยให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างชัดเจนแต่ใช้ชีวิตสวนทาง เนื่องจากวิถีคนเมืองมีมากขึ้นในประเทศ ชีวิตประจำวันที่เร่งรีบจากการทำงาน และเวลากลายเป็นสิ่งมีค่า มีผลให้กระแสความงามที่ซื้อหาได้รวดเร็วเป็นที่นิยมมากกว่าพฤติกรรมการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เริงฤทธิ์ จินดาพร – ผู้อำนวยการวางแผนและพัฒนาธุรกิจ มายด์แชร์ กล่าวว่า “ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาคนไทยให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพกายใจอย่างชัดเจน โดย 84% บอกว่ามีความสุขกับสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ควบคู่ไปกับกิจกรรมของรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆในการสนับสนุนและส่งเสริมสุขภาพของประชาชนที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าข้อมูลอายุเฉลี่ยของประชากรไทยโดยรวมจะมากขึ้น แต่ความเสี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆก็ไม่ได้หมดไป เนื่องด้วยเชื้อโรคและการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆก็น่ากลัวและอันตรายมากขึ้น ในขณะที่การพัฒนาทางการแพทย์ก็ดีขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ พบว่าถึงแม้ว่าคนไทยจะให้ความสนใจกับสุขภาพอย่างชัดเจนแต่ในทางปฎิบัติ เรายังมีนิสัยที่ไม่สอดคล้องกันอยู่ เช่น ออกกำลังกายน้อยและไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาจมีสาเหตุมากจากเทรนด์เรื่อง “Nowism” และ “Technology” ทำให้ต้องมีชิวิตประจำวันที่ตรงกันข้ามกัน เช่น คนไทยถ้าอยากสวยก็จะทำศัลยกรรมความงามที่ได้อย่างรวดเร็วและสวยตามต้องการ และเชื่อว่าเทคโนโลยีสามารถทำให้คนมีสุขภาพดี”
ปัทมวรรณ สถาพร – หัวหน้าฝ่ายวางแผนและพัฒนาธุรกิจ มายด์แชร์ กล่าวว่า “กระแสสุขภาพเป็นเครื่องบ่งชี้ของการเติบโตของเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของคนในประเทศ ซึ่งตลาดในกลุ่มนี้มีความเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มายด์แชร์จึงให้ความสำคัญกับกระแสสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเราได้ข้อสรุป 8 ข้อของกระแสสุขภาพและความเป็นอยู่ของคนในประเทศมานำเสนอนักการตลาดและลูกค้าของเรา”
สรุป 8 กระแสสุขภาพและความเป็นอยู่ของคนไทย ได้ดังนี้
1 ความอ้วนกลายเป็นปัญหาที่พบทั่วไป (OBESITY BECOMING MAINSTREAM) – จากการศึกษาพบว่า มีเพียง 26% ในกลุ่มผู้ใหญ่ที่ออกกำลังการอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเทียบกับ 30% ในปี พ.ศ. 2550 ในขณะที่เทรนด์ความสวยอย่างรวดเร็วโดยใช้ศัลยกรรมความงามและคลีนิคความงามเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และการใช้ชิวิตแบบคนเมืองกลายเป็นการใช้ชีวิตที่ไม่เสริมสร้างสุขภาพที่ดี ในขณะที่มีความเสี่ยงเพิ่มในการเป็นโรคเช่นความดันสูงและโรคหัวใจ โดย คาดว่าประเทศไทยจะมีผู้ที่มีปัญหาความอ้วนประมาณ 24 ล้านคนในปี พ.ศ. 2558 (แบ่งเป็น 18.8 ล้านคนที่มีน้ำหนักเกิน และ 5.6 ล้านคนเป็นคนอ้วน) เทียบกับผู้ที่มีปัญหาความอ้วนประมาณ 22 ล้านคนในปี พ.ศ. 2553 (แบ่งเป็น 17.7ล้านที่มีน้ำหนักเกิน และ 5.6 ล้านคนที่เป็นคนอ้วน)
2 ความเครียดกลายเป็นปัญหาที่น่ากังวลกว่าความอ้วน (STRESS, THE NEW OBESITY) – ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผู้บริหารมีความเครียดอยู่ในอันดับ 5 จาก 39 ประเทศอุตสาหกรรมของโลกในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยพบว่า ปัญหาความเครียดมาจาก ปัจจัย คือ 1) การเงิน 2) หน้าที่และความก้าวหน้าในการงาน 3) ความไม่แน่นอนทางการเมือง 4) ปัญหาครอบครัว 5) สิ่งแวดล้อม ในขณะที่เด็กวัยรุ่นมีความเครียดและรู้สึกกดดันสูงขึ้น จากการวิจัยของ ส.ส.ส. เมื่อปลายปี 2554 พบว่า วัยรุ่นกว่า 1 ล้านคนมีความรู้สึกซึมเศร้าอย่างไม่มีสาเหตุ โดยกว่าครึ่งล้านคนมีความเครียดสูงจนเกิดอาการปวดท้อง และอาเจียน และหนึ่งในสามของเด็กเหล่านี้ใช้ยาลดน้ำหนักและทำศัลยกรรมความงามเพื่อให้ผอมและดูสวยงาม
3 กลุ่มผู้สูงวัยจะกลายเป็นกลุ่มหลักในกระแสสุขภาพ (AGEING POPULATION)– คนไทยมีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนขึ้น และกลุ่มผู้สูงวัยจะเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดในอนาคต และจะเป็นกลุ่มสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสุขภาพเติบโต ธุรกิจที่จะเติบโตและมีแคมเปญการตลาดเจาะกลุ่ม Baby Boomer มาก คือธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ โดยเฉพาะโรงพยาบาล การดูแลสุขภาพ และอาหารเสริม ที่คาดว่ามูลค่าของธุรกิจนี้จะเติบโตได้ถึง 20-30%เพราะโอกาสของธุรกิจมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มนี้ ที่ตัดสินใจซื้อง่าย โดยเน้นให้ตัวเองสุขภาพดี มีลมหายใจอยู่นานที่สุด
4. แน้มโน้มประชากรโสด อยู่คนเดียว และดูแลตัวเองได้ดีมีสูงขึ้น (INDEPENDENT SINGLES) – จากการศึกษาพบว่า 37% ของคนไทยมีสถานะโสด หย่า และหม้าย ในขณะที่ อีก 45% ไม่มีลูก โดยพบอีกว่าอัตราของคน โสด หย่าร้าง หรือแต่งงานแต่ไม่มีลูก มีจำนวนเพิ่มขึ้น ดังนั้นคนไทยจะหันมาใส่ใจกับการเป็นอยู่ในรูปแบบที่ตอบความต้องการของตัวเองมากขึ้น
5 กระแสความงามและสุขภาพดีแบบไม่ต้องรอ (NOWISM) – พฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบคนเมืองและความสวยงามตามกระแสสังคม ทำให้ยุคนี้เป็นยุคทองของความงามแบบสั่งซื้อได้ ไม่ต้องรอ และสวยได้ทันตา ดังนั้นธุรกิจความงาม การทำศัลยกรรมใบหน้า จะได้รับความนิยมอย่างมาก จากรายงาน Culture Vulture ของมายด์แชร์ ความงามกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวัยรุ่นตอนปลายเมื่อสัมภาษณ์งานและเชื่อว่ามีผลกับการรับเข้าทำงานในบริษัท
6 สูงสุดคืนสู่สามัญ (BACK TO BASIC) – จากการศึกษาพบว่าคนไทยหันไปให้ความสนใจกับผลิตภันฑ์จากธรรมชาติ คาดว่าสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ที่มาจากความรู้พื้นบ้านจะมีอัตราเจริญเติบโตไปถึง 14,000 ล้านบาทในปี 2558 จะมีกลุ่มที่มองหาวิถีชิวิตทางเลือกซึ่งมาจาก การต้องการหนีจากการใช้ชีวิตที่วุ่นวายมาใช้ชีวิตแบบสบายๆ รวมถึงปัจจัยจากกลุ่มผู้สูงวัย และผลจากการเติบโตของชิวิตคนเมือง
7 ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพจะเข้าใกล้ผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น (PRODUCT BLURRING) – ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพเช่นวิตามินอาหารเสริม จะพบเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่นเครื่องดื่ม และได้รับความนิยมจากผูบริโภคยิ่งมากขึ้น
8. เทคโนโลยีเอื้อต่อการรักษาสุขภาพที่ดีของประชากรด้วยตัวเอง (TECHNOLOGY ETC.) – พบว่า จากจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เนตที่เพิ่มมากขึ้น และเทคโนโลยีต่างๆ ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพได้ง่าย นอกจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว ยังได้ข้อมูลจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรง รวมถึงช่องทางการซื้อขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพก็ขยายตัวสู่ช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้การใช้โทรศัพท์มือถือยิ่งทำให้เปิดรับข่าวสารได้ตลอดเวลา แอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนก็มีหลากหลายที่เกี่ยวกับการดูแลและตรวจเช็คสุขภาพ
จากกระแสสุขภาพทั้ง 8 ข้อ นักการตลาดควรทำความเข้าใจต่อพฤติกรรมและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ซึ่งจะมีผลต่อทัศนคติในตัวสินค้า รวมถึงทราบถึงสิ่งที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อด้วย ผลที่ได้จะทำให้นักการตลาดสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ : ฐิติภรณ์ อันชูฤทธิ์ โทรศัพท์: 0-2629-6327 โทรสาร: 0-2629-6092 [email protected]
-นท-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit