กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--เอแอลเอส แลบอราทอรี กรุ๊ป
ห้องน้ำ คือ หนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของทุกคนตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน ห้องน้ำที่สะอาดน่าใช้นั้นควรไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีคราบสกปรก ไม่ว่าจะเป็นพื้นห้อง ผนังห้อง หรือ สุขภัณฑ์ต่างๆ เช่น โถส้วม ที่รองนั่ง สายฉีดน้ำชำระ อ่างล้างหน้า ฯลฯ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าห้องน้ำที่คุณคิดว่าสะอาด ไม่ได้สะอาด ปลอดภัยอย่างที่ตาเห็น จากผลการวิจัยของ บริษัท เอแอลเอส แลบอราทอรี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัดเผยให้เห็นว่าทุกห้องน้ำที่เห็นว่าสะอาดนั้น แฝงไปด้วยจุลินทรีย์ และเชื้อราที่อาจเป็นเชื้อโรคและก่อให้เกิดโรคได้ แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรให้ห้องน้ำสะอาดปลอดภัยจากเชื้อโรค วันนี้เรามีคำตอบ
พญ.อุไรวรรณ โลหะอนันต์พงศ์ กล่าวว่า “สภาพห้องน้ำคนไทยส่วนใหญ่มีความอับชื้น ซึ่งอาจเป็นที่สะสมของเชื้อโรคต่างๆทั้งที่มองเห็นเป็นคราบบนพื้นรวมถึงผนังห้องน้ำ และที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เชื้อโรคเหล่านี้เกิดจากสภาพที่อับชื้นและสิ่งปฎิกูลที่เราขับถ่าย ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปสู่พื้นผิวต่างๆในห้องน้ำได้ ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และ เชื้อรา หากนำมือไปสัมผัสเชื้อแบคทีเรียบางชนิดและนำมาหยิบจับอาหารรับประทาน อาจก่อให้เกิดโรคทางเดินอาหารได้เช่น เชื้อซาลโมเนลล่า (Salmonella) สามารถก่อให้เกิดโรคไข้รากสาดน้อยหรือไข้ไทฟอยด์ อาการของโรคคือถ่ายเป็นน้ำ อาเจียน ปวดท้อง และมีไข้ ถ้ามีการติดเชื้อที่รุนแรงอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด ในเด็กเล็กและผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำสามารถเกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
สภาพที่อับชื้นในห้องน้ำเป็นสภาวะเหมาะสมของเชื้อรา โดยเฉพาะสปอร์ของเชื้อราที่มีน้ำหนักเบาและขนาดเล็กกระจายอยู่ในอากาศ หากสูดดมเข้าไปสามารถทำให้ร่างกายเกิดภูมิแพ้ได้ เช่น โรคหอบ(Asthma) ปอดอักเสบติดเชื้อ นอกจากนี้เชื้อรายังสามารถก่อโรคทางผิวหนัง ขน เล็บ และเยื่อบุต่างๆได้อีกด้วย โดยเฉพาะโรคกลากที่เท้า(Tinea pedis) ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อราจากพื้นห้องน้ำและพื้นดินโดยมีความชื้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ โรคมักเริ่มเกิดที่ซอกนิ้วแล้วจึงลามไปที่ฝ่าเท้า อาการมีได้ตั้งแต่คันมาก อาจเกาจนมีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม บางครั้งอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน หรืออาจมีลักษณะเปื่อยขาวจากการถูกความชื้นมาก มีกลิ่นเหม็น หรือที่เรียกว่า “ฮ่องกงฟุต” มักเป็นๆหายๆ อีกลักษณะมักเกิดในผู้ที่ไม่มีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อเชื้อราจึงมีการติดเชื้อลุกลามทั่วฝ่าเท้า หนาตัวขึ้นและลอกออก อาจลุกลามไปทำให้เกิดการติดเชื้อราที่เล็บได้
“ที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำโดยส่วนใหญ่มีส่วนผสมที่เป็น “กรด” ซึ่งอาจฆ่าเชื้อโรคได้บางชนิดเท่านั้น ไม่สามารถฆ่าเชื้อรา และสปอร์ของเชื้อราได้ นอกจากนี้หากใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมหรือใช้อย่างไม่ระวัง ถ้าสัมผัสถูกผิวหนังอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง ทำให้เกิดผิวหนังอักเสบ บวม แดง เจ็บแสบ หรืออาจทำให้เกิดผลเสียอย่างถาวรต่อผิวหนัง ไอระเหยหรือละอองไอแม้ในปริมาณน้อยๆ ก็ทำให้เกิดการระคายเคืองตาได้ ทำให้ตาแดง ในความเข้มข้นสูงๆ ทำให้เกิดแผลไหม้หรือตาบอดได้ การสูดดมไอระเหยทำให้เกิดฤทธิ์กัดกร่อนระบบทางเดินหายใจ ตั้งแต่แสบจมูก ลำคอ ไปจนถึงหายใจลำบากได้ จึงแสดงให้เห็นว่า ห้องน้ำที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดที่ดูสะอาดเหมือนไม่มีเชื้อโรคนั้น แต่จริงๆยังมีเชื้อบางชนิดหลงเหลืออยู่ อีกทั้งผู้ใช้ยังต้องใช้อย่างระมัดระวังมิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย
จากผลการวิจัยของ บริษัท เอแอลเอส แลบอราทอรี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด พบว่าผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำที่มีประสิทธิภาพสามารถฆ่าเชื้อโรคได้นั้นควรมีส่วนผสมของสารโซเดียมไฮโปคลอไรท์ หรือเรียกสั้นๆว่า คลอรีนบลีช สามารถกำจัดเชื้อโรคได้ทั้ง 3 ประเภท อันได้แก่เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อราโดยเฉพาะสปอร์ของเชื้อรา และยังเป็นสารที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกอีกด้วย นอกจากนี้ด้วยคุณสมบัติที่เป็น “ด่าง” ของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีสารโซเดียมไฮโปคลอไรท์ยังขจัดคราบสกปรกได้โดยไม่มีกลิ่นฉุนที่รุนแรง ไม่ทำลายยาแนวพื้นกระเบื้องและไม่ทำให้เกิดรอยด่างบนพื้นผิวอีกด้วย สามารถใช้ได้กับทุกพื้นผิวในห้องน้ำ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าห้องน้ำที่ใช้อยู่ทุกวันนั้นสะอาด ปราศจากเชื้อโรคอย่างแท้จริง” คุณพรทิพย์ ปัตยะกร นักวิชาการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กล่าวปิดท้าย
-กผ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit