กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--OutDoor PR Plus
“หยั่นหว่อหยุ่น” เดินหน้าสานต่อโครงการ Deksomboon World Food Challenge 2012เป็นปีที่ 8 เปิดโอกาสเยาวชนไทยระดับอุดมศึกษา โชว์ฝีมือการแข่งขันปรุงอาหาร เพื่อเฟ้นหาสุดยอดเชฟเยาวชน ที่มีความคิดสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด”อาหารไทยประจำภาค” ทีม “ทีมDe Bua”(เดอ บัว) สุดยอดเชฟเยาวชนแห่งปี วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี เฉือนแชมป์เก่าคว้าถ้วยพระราชทานฯ ไปครอง
นายสมหวัง ตั้งสมบัติวิสิทธิ์CEO บริษัท หยั่นหว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงอาหาร “ตราเด็กสมบูรณ์”ซึ่งอยู่คู่ครัวไทยมากว่า 60 ปีเปิดเผยว่าบริษัทฯ ยังคงเดินหน้า เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ในระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ โชว์ฝีมือการปรุงอาหาร ผ่านโครงการ “Deksomboon World Food Challenge 2012 ครั้งที่ 8”เฟ้นหาสุดยอดเชฟเยาวชนไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์ ปรุงรสชาติอาหารที่มีความเป็นเอกลักษณ์แบบไทยๆ พร้อมจัดตกแต่ง และออกแบบจานอาหารอย่างมีสไตล์ ภายใต้แนวความคิด“อาหารไทยประจำภาค” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
จุดเด่นของโครงการ “Deksomboon World Food Challenge 2012”ปีนี้ คือ การขยายโครงการประกวดไปสู่ต่างจังหวัดทั้ง 4 ภาค เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ และภูมิปัญญา เพื่อดึงภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่นมาโชว์ แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของอาหารในแต่ละภาค โดยโจทย์การแข่งขันรอบคัดเลือก เปิดโอกาสให้ผู้สมัครทำอาหารภาคใดก็ได้ที่ตนถนัด ส่วนรอบตัดสิน มีการกำหนดเมนู วัตถุดิบ และเมนูจากผลิตภัณฑ์ I-Chef(ไอ-เชฟ) พร้อมเมนูประจำภาคตลอดจนให้ความรู้และส่งเสริมให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ซีอิ๊วขาวสูตรลดโซเดียม 40% เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจโดยได้รับเกียรติจาก เชฟจำนง นิรังสรรค์ นายกสมาคมพ่อครัวไทยอาจารย์วันดี ณ สงขลา เจ้าของโรงเรียนครัววันดีผศ.ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ หัวหน้าภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล (ตัวแทนจากมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย) และคุณบุษยา ธัญญศิริ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ บริษัท หยั่นหว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัดร่วมเป็นกรรมการตัดสิน
“เป้าหมายของโครงการ“Deksomboon World Food Challenge 2012” หยั่นหว่อ หยุ่น ต้องการเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ได้แสดงออก พร้อมกระตุ้นให้เกิดความกระตื้อรือร้น สร้างแรงบันดาลใจให้เชฟรุ่นใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของคนไทย ที่เปิดรับกับอาชีพเชฟมากขึ้น จากเมื่อก่อนที่มองว่า เป็นอาชีพทั่วๆไป ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ และเลือกเรียนเป็นสายอาชีพมากยิ่งขึ้น โครงการนี้จะช่วยผลักดันให้เยาวชนเกิดแรงบันดาลใจ มีความพยายาม และมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น”
กติการอบชิงชนะเลิศ ทุกทีมต้องทำอาหาร 2 ชุด สำหรับจัดแสดงโชว์และสำหรับคณะกรรมการชิม และเกณฑ์การตัดสิน แบ่งเป็นด้านรสชาติของวัตถุดิบหลักต้องนำมาใช้ในเมนูอาหารได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ด้านรสชาติความอร่อยและตรงตามคอนเซ็ปต์ที่นำเสนอได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ด้านความคิดสร้างสรรค์และการตกแต่งจานอาหารให้สวยงามน่ารับประทานและด้านคุณค่าทางโภชนาการและสุขอนามัยของผู้ประกอบอาหารตลอดจนบุคลิกภาพที่มีความเป็นมืออาชีพ สำหรับ“Deksomboon World Food Challenge 2012” ในครั้งนี้ มีสถานศึกษาที่ผ่านเข้ารอบมาถึง 8 ทีมด้วยกัน คือ ทีมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ วิทยาเขตพระนครใต้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ(เทคนิคกรุงเทพ)และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โดยผู้เข้าร่วมการแข่งขันแต่ละทีมต้องทำอาหาร 2 รายการ คือ อาหารประจำภาคและอาหารนานาชาติที่ปรุงโดยผลิตภัณฑ์ “I Chef” (ไอ-เชฟ)แม้ว่าจะมีอุปสรรคในเรื่องของสายฝนที่โปรยปรายมาเป็นระยะๆ ทั้งวันแต่ผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกคนก็ลงมือทำอาหารด้วยความมุ่งมั่นในที่สุด“ทีมDe Bua”(เดอ บัว) จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาจังหวัดอุบลราชธานีโชว์การทำอาหารไทยประจำภาค รสเลิศ ด้วยวัตถุดิบพื้นบ้านจากจังหวัดอุบลราชธานีอย่าง เค็มบักนัดและกุ้งแม่น้ำ รังสรรค์อาหารในเมนู “รอยพระบาทยาตรา”และ “I Chef สลัดกุ้งแม่น้ำ” ชนะใจกรรมการ คว้ารางวัลชนะเลิศ ได้รับถ้วยพระราชทานฯ ไปครอง
ทีม De Bua(เดอ บัว)ประกอบด้วย นาวสาวศิริพร อีนทะสอน(น้องเจน) และ นายกิตติศักดิ์ ดวงดี(น้องคง) นักศึกษาคณะคหกรรมศาสตร์ แผนกอาหารและโภชนาการ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปีที่2(ปวส.2) บอกว่าแรงบันดาลใจในการปรุงเมนู “รอยพระบาทยาตรา”หรือ หลนเค็มบักนัด(เค็มหมากนัด)เนื่องจากเป็นเมนูทรงโปรดของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งโรงเรียนการช่างสตรีอุบลราชธานี (วิทยาลัยอาชีวศึกษาปัจจุบัน)ได้จัดถวายเมื่อครั้งเสด็จมาจังหวัดอุบลราชธานีในอดีต และมีพระกระแสรับสั่งว่า “อาหารที่ชื่อว่า “เค็มหมากนัด” ฟังจากชื่อคิดว่าจะเค็ม แต่ไม่เค็มเลย อร่อยดี”เป็นที่ปลื้มปิติโดยทั่วกันของชาวอุบลราชธานี เค็มบักนัดเป็นการถนอมอาหารในหน้าที่มีปลาชุกชุม สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ทีม De Buaใช้ปลาเทโพที่มีมากในท้องถิ่นและสัปปะรด หมักกับเกลือ แล้วนำมาหลน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆและผักเครื่องเคียงส่วนเมนูที่สอง “I-Chef สลัดกุ้งแม่น้ำ”อร่อยลงตัวด้วยผลิตภัณฑ์I Chef สูตรต้มยำและวัตถุดิบหลักอย่างกุ้งแม่น้ำในภาคอีสานที่มีเป็นจำนวนมาก รวมถึงสลัดผักสดๆ ที่คัดสรรมาอย่างดีจากโครงการหลวง
“หลังจากรับทราบกติกาการแข่งขันจากทีมงาน เรามีเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ในการเตรียมความพร้อมและเมนูอาหารในการประกวดแต่ก็ฝึกฝนอย่างเต็มที่ พวกเรารู้สึกภาคภูมิใจมากสำหรับรางวัลอันทรงเกียรติ ในเวที “Deksomboon World Food Challenge 2012”นี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันส่วนตัวคิดว่าเชฟเยาวชนหรือเชฟรุ่นใหม่ๆ ต้องมีความกล้าคิด กล้าทำ ดัดแปลงวัตถุดิบที่มีในบ้านเรา ในท้องถิ่น เพื่อให้ได้เมนูที่หลากหลาย พร้อมกับประยุกต์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้นและด้วยที่เรายังเป็นเชฟเยาวชนรุ่นเล็ก ต้องพยายามเข้าร่วมการแข่งขันให้มาก เพื่อพัฒนาฝีมือ สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของวงการอาหารไทย วงการเชฟไทย เพื่อการเตรียมพร้อมในการแข่งขันในเวทีระดับนานาชาติ ถึงแม้จะไม่ได้รับรางวัล แต่พวกเราคิดว่าประสบการณ์คือรางวัลที่สำคัญที่สุด ถ้าเรานำมันกลับมาพัฒนาตัวเองทุกครั้ง นอกจากทักษะแล้วภาษาอังกฤษถือว่าสำคัญมากถ้าเราต้องการก้าวหน้าในอาชีพเชฟ และพวกเราเชื่อว่าทุกครัวไทยโตมากับ ผลิตภัณฑ์“เด็กสมบูรณ์” ต้องขอขอบคุณบริษัท หยั่นหว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด ที่จัดงาน “Deksomboon World Food Challenge 2012” ขึ้น ให้เชฟเยาวชนรุ่นใหม่ได้มีเวทีในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และขอขอบคุณอาจารย์ทุกท่านที่เลือกเราทั้งสองให้เป็นตัวแทนของวิทยาลัยและจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมกับสนับสนุนและฝึกสอนเทคนิค เคล็ดลับต่างๆ ทำให้ทีมชนะเลิศได้ในวันนี้” ตัวแทนทีม De buaกล่าว
สำหรับทีมชนะเลิศได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 60,000 บาท และเข้าร่วมกิจกรรม Work Shop กับ บริษัท หยั่นหว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัดและเมนูที่ถูกนำเสนอจะได้รับการเผยแพร่ และจะมีการผลักดันให้เติบโตในสายอาชีพนี้ต่อไปรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 30,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 20,000 บาท รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล เงินรางวัลละ 10,000 บาท และรางวัลพิเศษ ไอ-เชฟ มูลค่า 10,000 บาท ซึ่งทุกรางวัลจะได้รับโล่เกียรติยศ เหรียญรางวัล ประกาศนียบัตร และ Gift Set จาก หยั่นหว่อ หยุ่น ตราเด็กสมบูรณ์ และในปีหน้าโครงการ “Deksomboon World Food Challenge” ยังคงดำเนินต่อเนื่อง ด้วยแนวความคิดที่แตกต่างไป โดยมุ่งเน้นสร้างความเข้าใจในการใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงรสมากขึ้น จะเป็นลักษณะของการสร้างความเข้าใจ ผลักดันให้เกิดการแข่งขันในการสร้างเมนูใหม่ๆ การสร้างสรรค์ใหม่ๆ เป็นการผลักดันให้เกิดการประยุกต์ใช้วัตถุดิบต่างๆ มากยิ่งขึ้น
-ณอ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit