ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาเชิญชวนร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในคอนเซ็ปต์การอนุรักษ์และเสริมสร้างการเรียนรู้ผ่านนิทรรศการถาวร เปิดโลกธรรมชาติ (Nature Science)

04 Dec 2012

กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา

ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจัดงานเปิดตัวนิทรรศการถาวร เปิดโลกธรรมชาติ (Nature Science) อย่างเป็นทางการภายใต้คอนเซปต์การอนุรักษ์และเสริมสร้างการเรียนรู้ มุ่งเป้าหมายสู่กลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษารวมถึงประชาชนทั่วไปร่วมทดสอบประสาทสัมผัส ทักษะ ระบบเสียง ภาพลวงตา ระบบ 3 มิติ กับเกมที่ตื่นเต้นท้าทายชวนคิด ที่นิทรรศการชีวิตพิศวง มาดูกันซิว่า สาวหรือเสา เฮียกี่พูดว่าอะไร และจะเป็นอย่างไรถ้าโลกนี้มีกาแฟสีฟ้า ฯลฯ

อีกทั้งกิจกรรมอื่นๆ มากมายในการค้นหาขุมทรัพย์โลกอนาคต กับต้นไม้พูดได้ ไม้กลายเป็นหิน ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อาคาร 4 ธรรมชาติวิทยาและสิ่งแวดล้อม ชั้น 4 และชั้น 7 เริ่มเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป

นายสุรนันท์ ศุภวรรณกิจ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา กล่าวว่านิทรรศการเปิดโลกธรรมชาติมีจุดประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับนักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยมุ่งเน้นสร้างวัฒนธรรมวิทยาศาสตร์เพื่อสังคมไทย สร้างการรับรู้ ผ่านนิทรรศการถาวร “เปิดโลกธรรมชาติ” และเพื่อเป็นการแนะนำศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา แห่งแรกของประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจุดเด่นของนิทรรศการ ประกอบไปด้วย 3 จุดใหญ่ๆ ด้วยกันคือ

  • บริเวณชั้น 4 อาคาร 4 ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “ขุมทรัพย์โลกสีเขียว” Green Treasure ให้ความรู้เกี่ยวกับพืช เป็นขุมทรัพย์ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ เป็นแหล่งปัจจัยสี่ เป็นแหล่งวัตถุดิบสำหรับผลิตพลังงาน และยังเป็นปัจจัยในการสร้างสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่

-นิทรรศการชีวิตพิศวง The Miracle of Life บริเวณชั้น 7 อาคาร 4 ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเสนอเรื่องราวของประสาทสัมผัส ทั้งระบบการรับสัมผัส และการแปลผล เน้นให้เห็นว่าประสาทสัมผัสแต่ละประเภทสัมพันธ์กับการดำรงชีวิตและธรรมชาติวิทยาของร่างกายเราอย่างไร การแสดงกฏเกณฑ์ที่น่าพิศวงของธรรมชาติ คุณค่าทางธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ กับภูมิปัญญาท้องถิ่น และแนวทางการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน

  • สวนนิเวศ Eco Garden บริเวณชั้น 1 และ ชั้น 3 และพื้นที่โดยรอบอาคาร 4 เรียนรู้ระบบนิเวศของโลกที่มีการวิวัฒนาการจากอดีตมาถึงปัจจุบันนับหลายร้อยล้านปี ประกอบด้วยหินประเภทต่างๆ และซากดึกดำบรรพ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามระบบนิเวศในแต่ละยุคสมัย โดยการศึกษาผ่านหิน และซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศที่เหมาะสมกับมนุษย์

“ในอดีตมนุษย์พึ่งพาและอาศัยธรรมชาติในการดำรงชีวิตมาช้านาน นอกเหนือจากเป็นแหล่งปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ธรรมชาติยังหล่อหลอมให้มนุษยัในสมัยก่อนเรียนรู้ที่จะมีวิถีชีวิตสอดคล้องไปกับธรรมชาติ ดังจะเห็นได้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่แตกต่างกันไปตามสภาพธรรมชาติของแต่ละพื้นที่ ทว่าในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ช่วยให้มนุษย์มีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น มีการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้อย่างไม่มีขีดจำกัด มีการดัดแปลงธรรมชาติมากกว่าการใช้ชีวิตกลมกลืนกับธรรมชาติ ด้วยวิถีชีวิตที่ห่างไกลธรรมชาติ ทำให้มนุษย์หลงลืมผลเสียที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ลดลงอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถเกิดทดแทนได้ทัน สภาพแวดล้อมที่เคยน่าอยู่อาศัยก็เปลี่ยนแปลงไป มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้นในทุกครั้ง มนุษย์จึงต้องปรับตัวหันมาใช้ประโยชน์จากธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน”

ทางศูนย์วิทยาศาตร์เพื่อการศึกษา หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า การเปิดตัวงาน “เปิดโลกธรรมชาติ” ในครั้งนี้ จะทำให้นักเรียน นิสิตนักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไปหันมาห่วงใยและตระหนักถึงคุณค่าของธรรมชาติ ร่วมช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม และเรียนรู้ควบคู่ผสมผสานไปกับเทคโนโลยี ให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป นายสุรนันท์กล่าว

ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อาคาร 4 ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชั้น 4 และชั้น 7 เริ่มเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป

ติดต่อ:

ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลอง)

928 ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110

เปิดให้บริการวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.30 น.

ยกเว้นวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

โทร. 02-3925951-5

www.sciplanet.org

-กผ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net