กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--กสทช.
นับตั้งแต่การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz สิ้นสุดลง ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2555 โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมประมูล3 ราย ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ซึ่งภายหลังจาก กทค. มีมติรับรองผลการประมูลคลื่นความถี่ในวันที่ 18 ตุลาคม 2555 โดยบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค เสนอราคาประมูลคลื่นความถี่สูงสุด 14,625 ล้านบาท บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ และบริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค เสนอราคาประมูลคลื่นความถี่เท่ากันคือ13,500 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าการจัดสรรคลื่นความถี่โดยการจัดประมูลคลื่นความถี่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน แต่เนื่องจากเป็นการดำเนินการครั้งแรกในประเทศไทย จึงทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและความไม่ถูกใจ จนเป็นเหตุให้มีการยื่นคำร้องต่อหลายหน่วยงาน รวมทั้งยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ซึ่งต่อมาศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องในคดีหมายเลยแดงที่ 2272/2555 ทำให้ กสทช. โดย กทค. สามารถขับเคลื่อนภารกิจต่อไปได้
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และกรรมการกิจการโทรคมนาคม ได้ร่วมประชุมกันในที่ประชุม กทค. ครั้งที่ 45/2555 วันที่ 7 ธันวาคม 2555ที่ประชุม กทค. วันนี้ เป็นวาระสืบเนื่องมาจากการประชุม กทค. ครั้งที่ 44/2555 เมื่อวันที่ 6ธันวาคม 2555ซึ่งการประชุมในวันดังกล่าวที่ประชุมได้รับทราบผลการตรวจสอบของคณะทำงานตรวจสอบพฤติกรรมการเสนอราคาของผู้เข้าร่วมการประมูลฯ ผลการพิจารณาของศาลปกครองกลาง และผลตรวจสอบกรณีการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แล้วได้กำหนดนโยบายให้มีการดำเนินการเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลย่าน 2.1 GHz เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนได้มีวาระพิจารณาออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ IMT ย่าน 2.1 GHz (3G)โดยคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค) ภายใต้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ได้มีมติให้ออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ IMT ย่าน 2.1 GHz และใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 เพื่อประกอบกิจการตามขอบเขตการอนุญาต ให้แก่ผู้ชนะการประมูล ภายหลังจากผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการดำเนินการก่อนรับใบอนุญาตอย่างครบถ้วนและถูกต้อง ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งเป็นผู้ชนะการประมูลเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อเสนอของ สำนักงาน กสทช. ได้พิจารณาแล้ว โดยที่ให้เหตุผลว่าบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด มีการดำเนินการครบถ้วนและถูกต้องตามเงื่อนไขในการดำเนินการก่อนรับใบอนุญาต ที่กำหนดในข้อ 12 ของประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunications – IMT) ย่าน 2.1 GHz พ.ศ. 2555 จึงเห็นควรเสนอที่ประชุม กทค. พิจารณาอนุมัติให้ทั้ง 3 บริษัท ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunications – IMT) ย่าน 2.1 GHz
กทค. พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องสำคัญยิ่งที่ กทค. ต้องให้ความสำคัญ คือการคุ้มครองผู้บริโภคโดยในประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunications – IMT) ย่าน 2.1 GHz พ.ศ. 2555 ได้ระบุไว้ในหัวข้อมาตรการเพื่อสังคมและคุ้มครองผู้บริโภค ที่ว่า “ผู้รับใบอนุญาตต้องกำหนดอัตราค่าบริการให้เป็นธรรม สมเหตุสมผลและไม่เอาเปรียบผู้บริโภคและจัดให้มีบริการที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด”กทค. จึงมีมติในที่ประชุมให้กำหนดเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาต เรื่องอัตราค่าบริการ ดังนี้
1. ตามมาตรา 15 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 กำหนดให้ “ในการกำหนดเงื่อนไขในการอนุญาต ให้คณะกรรมการกำหนดสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบ โดยเฉพาะของผู้รับใบอนุญาต ให้ชัดเจน รวมทั้งกำหนดแผนการให้บริการกิจการโทรคมนาคมของผู้รับใบอนุญาต โดยอย่างน้อยต้องกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการเริ่มให้บริการ รายละเอียดของลักษณะ หรือประเภทการให้บริการ อัตราค่าบริการ การให้บริการแจ้งข้อมูลผู้ใช้เลขหมายโทรคมนาคม และการอื่นที่จำเป็นในการให้บริการเพื่อประโยชน์สาธารณะ”
2. ตามประกาศ กทช. เรื่อง เงื่อนไขมาตรฐานในการอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ได้กำหนดเงื่อนไขในการอนุญาต ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สามไว้ในหมวดที่ 1 เงื่อนไขทั่วไป ข้อ 8 ซึ่งผู้รับใบอนุญาตแบบที่สามทุกรายต้องปฏิบัติ ได้กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและค่าบริการในกิจการโทรคมนาคมไว้
3. นอกจากนี้ ตามข้อ 16.8.5 ของประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลย่าน 2.1GHz พ.ศ. 2555 ได้กำหนดเงื่อนไขในการอนุญาตเป็นพิเศษว่า “ผู้รับใบอนุญาตต้องกำหนดอัตราค่าบริการให้เป็นธรรม สมเหตุสมผลและไม่เอาเปรียบผู้บริโภค ... ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด” เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับอัตราค่าบริการ และเพื่อให้ไม่ขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง อัตราขั้นสูงของค่าบริการและการเรียกเก็บเงินค่าบริการล่วงหน้าในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 จึงเห็นควรกำหนดกรอบเงื่อนไขให้มีการลดค่าบริการในร้อยละที่กำหนดตามที่ กทค. ได้แสดงเจตนารมณ์ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคในระหว่างที่ยังไม่มีประกาศ กสทช. เรื่อง อัตราขั้นสูงของค่าบริการฯ
4. สำหรับเงื่อนไขใบอนุญาตที่ให้มีการลดค่าบริการเป็นร้อยละนั้น เห็นควรกำหนดเป็นร้อยละ 15 ของอัตราค่าบริการเฉลี่ยของบริการประเภทเสียง (voice) และบริการที่ไม่ใช่เสียง (non-voice) ที่มีการให้บริการอยู่ในตลาด ณ วันที่ได้รับใบอนุญาต จนกว่าคณะกรรมการจะกำหนดเป็นอย่างอื่น
-สำหรับเหตุผลในการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าว เนื่องจากทิศทางและแนวโน้มอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยเฉลี่ยในตลาดปัจจุบันแล้วลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงประมาณร้อยละ 10 และคาดว่า หากมีผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นในตลาด จะก่อให้เกิดระดับการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับผู้รับใบอนุญาตรายใหม่มีภาระต้นทุนบางส่วนที่ลดลง อันจะส่งผลให้อัตราค่าบริการมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงได้ถึงร้อยละ 15
การให้ใบอนุญาตฯ ในครั้งนี้ มิได้หมายความว่าผู้ได้รับใบอนุญาตจะสามารถเปิดบริการได้ทันที กสทช. จะกำกับดูแลให้ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่ประชาชน ทั้งนี้การให้ใบอนุญาตที่จะให้บริการ 3G นี้ ถือเป็นสิ่งเริ่มต้นในการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและการสื่อสารของประเทศจากระบบสัญญาสัมปทานมาเป็นระบบการให้ใบอนุญาตโดยประชาชนจะได้รับประโยชน์จากความสามารถในการนำคลื่นความถี่มาให้บริการเพื่อรองรับความต้องการได้มากขึ้น ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และประชาชนในด้านการศึกษาวัฒนธรรมความมั่นคงของรัฐและประโยชน์สาธารณะอื่นอีกทั้งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมภาคเศรษฐกิจและสังคมตลอดจนสนับสนุนส่งเสริมสิทธิในการติดต่อสื่อสารการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนให้มีความเจริญก้าวหน้าสอดคล้องกับนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐในด้านกิจการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่ง กสทช. จะกำกับดูแลอย่างเข้มข้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด และเกิดการพัฒนากิจการโทรคมนาคมของประเทศไทยให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับวิวัฒนาการของโลกท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงในระดับสากลต่อไป-กภ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit