กรุงเทพฯ--11 ก.พ.--วิวาลดี้ พับบลิค รีเลชั่นส์
งานเลี้ยงเปิดตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟได้รับเกียรติจากเอกอัครราชทูตอังกฤษ บุคคลสำคัญ นักธุรกิจชั้นนำ และเซเลบริตี้ชื่อดังร่วมฉลองความยิ่งใหญ่ของยนตกรรมระดับโลก
แลนด์โรเวอร์ แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์อเนกประสงค์หรูอันดับหนึ่งของโลก จัด “งานเปิดตัว ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ (The Exclusive Launch of the All-New Range Rover)” ณ บ้านหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ เพื่ออวดโฉมยอดยนตกรรมสมรรถนะเหนือชั้นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยนตกรรมอเนกประสงค์หรูที่ดีที่สุดของโลก ภายใต้รูปลักษณ์ที่ภูมิฐานสง่างามควรคู่กับบุคคลระดับสูง นักธุรกิจชั้นนำของประเทศ โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยร่วมเปิดงาน นอกจากนี้ ภายในงานยังนำเสนอรายการแฟชั่นโชว์ชุดพิเศษจากแบรนด์ห้องเสื้อชื่อดัง PATINYA โดยมีแขกผู้มีเกียรติและเซเลบริตี้ชื่อดังมาร่วมเดินแบบ อาทิ สินจัย เปล่งพานิช, ชลิตา เฟื่องอารมณ์, กรกนก ยงสกุล, วิโรจน์ และ วงศธร ควันธรรม ฯลฯ เพื่อร่วมฉลองความยิ่งใหญ่แห่งยานยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมของโลกสู่ตลาดเมืองไทย
นายสรรพงษ์ ชื่นโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอยานยนต์อเนกประสงค์หรูที่ดีที่สุดของโลกสู่ตลาดเมืองไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ได้รับสิทธิ์ในการจำหน่ายยนตกรรมระดับหรูรุ่นนี้อย่างสมบูรณ์ โดยรูปทรงที่เรียบหรูและภูมิฐานอันเป็นที่กล่าวขวัญของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เกิดจากการตีความเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ผ่านทัศนะใหม่ เพี่อแสดงออกถึงวิวัฒนาการแห่งงานดีไซน์ที่ล้ำสมัย หากยังคงความสง่างามในสไตล์ เรนจ์โรเวอร์ ไว้ทุกประการ ถือเป็นการพลิกโฉมการออกแบบอย่างเหนือชั้น เพื่อสืบสานจิตวิญญาณอันรุ่งโรจน์ตลอด 40 ปีของ เรนจ์โรเวอร์ เพื่อให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เป็นสุดยอดงานออกแบบแห่งผู้นำยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรู จากแลนด์โรเวอร์”
นอกจากนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ยังเป็นยานยนต์อเนกประสงค์รุ่นแรกของโลก ที่ใช้ตัวถังโครงอลูมิเนียมน้ำหนักเบา เพื่อมอบสมรรถนะที่เหนือชั้น ด้วยเสถียรภาพและความคล่องตัวในการขับขี่ที่สูงขึ้นในทุกสภาพถนน โดยยังคงประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ โดยเฉพาะรุ่น Autobiography 4.4-litre SDV8 ซึ่งมาพร้อมที่นั่งด้านหลังแบบเอ็กเซกคูทีฟ คลาส สำหรับผู้ที่ต้องการความสบายที่เหนือระดับ รวมถึงหลังคาแบบพานอรามิก ซึ่งนับเป็นการปฏิวัติการออกแบบครั้งสำคัญแห่งวงการยานยนต์อเนกประสงค์ระดับโลกอย่างแท้จริง
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและวางโครงสร้างในศูนย์พัฒนายานยนต์ของแลนด์โรเวอร์ในประเทศอังกฤษ และผลิตในโรงงานซึ่งใช้เทคโนโลยีระดับสูงในเมืองโซลิฮัลล์ ซึ่งลงทุนกว่า 370 ล้านยูโรในการก่อสร้างโรงงานผลิตตัวถังอะลูมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อยานยนต์รุ่นนี้
นายดนัย จันทรงาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้แนะนำยานยนต์อเนกประสงค์ที่ดีที่สุดของโลกให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งนอกจาก ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้มาอวดโฉมการออกแบบที่หรูหรา ทันสมัย ผู้มีเกียรติภายในงานนี้ยังได้ชมการแสดงแบบเสื้อผ้าคอลเลกชั่น Spring Summer 2013 จาก PATINYA แบรนด์ดีไซเนอร์ใหม่ของไทย ในคอลเล็คชั่น “Dreaming the New Atlantis” ซึ่งมีภาพลักษณ์เรียบหรู ดูภูมิฐาน และเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจ ซึ่งสอดคล้องกับดีไซน์ใหม่ที่เรียบหรูและสง่างามในทุกมุมมองของ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ อย่างลงตัว”
วันนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เปิดจำหน่ายแล้วอย่างเป็นทางการในตลาดกว่า 170 แห่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ มีจัดจำหน่าย 4 รุ่น ได้แก่ HSE, Vogue, และ Autobiography ที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,699,000 บาท
ดีไซน์ใหม่ที่เรียบหรู และสง่างามในทุกมุมมอง
รูปทรงที่เรียบหรูและภูมิฐานของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เกิดจากการตีความเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ผ่านทัศนะใหม่ เพี่อแสดงออกถึงวิวัฒนาการแห่งงานดีไซน์ที่ล้ำสมัย หากยังคงความสง่างามในสไตล์ เรนจ์โรเวอร์ ไว้ทุกประการ
ด้วยความยาวของตัวรถที่น้อยกว่า 5 เมตร ทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ดูคล้ายกับยานยนต์รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด หากพิจารณาในรายละเอียดจะสังเกตเห็นถึงลักษณะความลู่ลมและรูปทรงที่เพรียวบางกว่า ทั้งยังมีแนวหลังคาต่ำกว่าถึง 20 มม.ในการใช้งานแบบ Access Mode ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านต่ำสุดเพียง 0.34
การตกแต่งภายในเน้นความหรูหราทันสมัย ซึ่งผสมผสานกับสไตล์ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ได้อย่างลงตัว ห้องโดยสารให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและสง่างามด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่หนักแน่นมั่นคง เพิ่มความเนี้ยบด้วยการตกแต่งพื้นผิวภายในให้แลดูสะอาดตาและประณีต ด้วยเครื่องหนังชั้นดีและวีเนียร์คุณภาพสูง ห้องโดยสารด้านหลังเพิ่มพื้นที่ให้กว้างกว่าเดิมถึง 118 มม. โดยสามารถเลือกแพ็คเกจการตกแต่งแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ได้ตามต้องการ เพื่อเพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายสูงสุด
นอกจากนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ยังมีออพชั่นการตกแต่งให้เลือกอีกมากมาย ทั้งในเรื่องสี พื้นผิว และรายละเอียดชิ้นส่วนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ห้องโดยสารให้สวยงามเฉพาะตัวในรุ่น Autobiography ไปจนถึงอุปกรณ์ประดับยนต์อย่างล้ออัลลอยสุดหรู ที่มีให้เลือกขนาดใหญ่สุดถึง 22 นิ้ว เพื่อให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สะท้อนบุคลิกอันโดดเด่นในแบบที่เป็นคุณมากที่สุด
รูปลักษณ์ที่สง่างามและสมรรถนะสูงสุดของ เรนจ์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและผลิตด้วยระบบวิศวกรรมชั้นเลิศ โดยใช้โครงสร้างและตัวถังแบบใหม่ เพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโร้ดและเพิ่มความเสถียรในการวิ่งบนถนนทางเรียบทุกประเภท ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ จึงพร้อมเคียงข้างคุณไปในทุกเส้นทาง ด้วยภาพลักษณ์แห่งผู้นำที่จะสะกดทุกสายตา
หนึ่งในฟังก์ชั่นเพื่อการขับขี่ที่เขย่าวงการยานยนต์ระดับโลก คือระบบ Terrain Response? รุ่นใหม่จาก แลนด์โรเวอร์ ซึ่งจะทำการวิเคราะห์สภาพถนนและเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เพื่อมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบตลอดเส้นทาง ระบบกันสะเทือนน้ำหนักเบารุ่นใหม่ ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้มั่นคงสูงสุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน ด้วยประสิทธิภาพการควบคุมพวงมาลัยและความนุ่มนวลที่เหนือกว่า แม้ในสภาพถนนที่แสนทรหดที่สุด
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ทำงานด้วยระบบกล่องเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time 2 สปีด ซึ่งทำงานพร้อมกับระบบควบคุมแรงฉุดด้วยไฟฟ้าอันทรงประสิทธิภาพ จึงให้แรงฉุดลากและความมั่นคงด้านกลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม
สมรรถนะการขับขี่ของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สื่อผ่านโครงสร้างที่บึกบึนมั่นคง ซึ่งถูกออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่เหมาะสมในการขับขี่ทุกสภาวะถนน โดยเฉพาะการเพิ่มระดับลุยน้ำลึกจาก 200 มม. ขึ้นถึง 900 มม. ทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กก. ถือเป็นยานยนต์ที่มีแรงลากจูงสูงสุดในคลาสเดียวกัน
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ทุกคัน ได้ผ่านการพัฒนาและทดสอบสมรรถนะอันหนักหน่วง ร่วมกับยานยนต์เพื่อการพัฒนาอื่นๆ ทั้งบนถนนทางเรียบและแบบออฟโร้ดรวมเป็นระยะทางหลายพันไมล์ ครอบคลุม 20 ประเทศ นานถึง 18 เดือน โดยต้องผจญกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันยากลำบากหลายรูปแบบ เพื่อรับประกันถึงความทนทานและประสิทธิภาพการขับขี่ที่เป็นเยี่ยม
ประสบการณ์การขับขี่แสนสบายที่เหนือกว่า
เรนจ์โรเวอร์ โดดเด่นในด้านการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว และปราศจากสิ่งรบกวนวุ่นวายจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งยานยนต์รุ่นใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานความหรูหราให้สูงกว่าเดิม
วิศวกรผู้ออกแบบ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ให้ความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อการขจัดเสียงไม่พึงประสงค์จากภายนอกให้มากที่สุด นับตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างตัวถัง การเสริมชั้นกระจกตัดเสียงของประตูข้าง ตลอดจนการใช้แท่นเครื่องคู่แบบแยกชิ้น ซึ่งทำให้ลดเสียงรบกวนที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ใช้โครงตัวถังแบบใหม่ ซึ่งถูกออกแบบร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลมสี่มุมอันล้ำสมัย เพื่อเสริมเสถียรภาพในการควบคุมและความมั่นใจในการเข้าโค้งที่ฉับไวกว่า ทั้งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราและสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน
ลูกค้าสามารถเลือกสัมผัสประสบการณ์กับ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ทั้งรุ่นเบนซิน 510PS LR-V8 Supercharged และรุ่นดีเซล 2 แบบ ได้แก่ 3.0-litre 258PS TDV6 และ 4.4-litre 339PS SDV8 โดยเครื่องยนต์ทุกรุ่นให้แรงบิดสูง พร้อมการขับขี่ที่นุ่มนวลด้วยระบบส่งกำลังอัตโนมัติแบบ 8 สปีด
การให้ความสำคัญกับตำแหน่งของผู้ขับที่เหมาะสมคือหนึ่งในเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ซึ่ง ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ทุกรุ่นมาพร้อมฟังก์ชั่น Command Driving Position เพื่อปรับตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับอย่างเหมาะสม ซึ่งจะอยู่สูงกว่ารถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูอื่นๆ 90 มม. ทำให้รู้สึกได้ถึงการควบคุมและความมั่นใจที่เหนือกว่า
โครงสร้างน้ำหนักเบาเพื่อสมรรถนะและความมั่นคงที่เหนือชั้น
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ปฏิวัติวงการด้วยการใช้โครงสร้างอะลูมิเนียมแบบ Monocoque น้ำหนักเบาที่พัฒนารุ่นล่าสุด ซึ่งเบากว่าถึง 39% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาดที่ใช้ตัวถังเหล็ก
แลนด์โรเวอร์ คือหนึ่งในผู้นำด้านโครงสร้างน้ำหนักเบาที่ได้แรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีอากาศยานเพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่ และด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบใหม่นี้ จึงทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สมบูรณ์แบบทั้งประสิทธิภาพการขับขี่และสมรรถนะของเครื่องยนต์
เมื่อพิจารณารวมกับน้ำหนักที่เบากว่าทั้งจากโครงรถและระบบการขับเคลื่อน พบว่าโครงสร้างน้ำหนักเบาสามารถลดภาระเครื่องได้ถึง 350 กก. เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาด
การลดภาระเครื่องช่วยให้ เรนจ์โรเวอร์ นำเสนอการขับขี่ที่ผ่อนคลาย หากยังคงมีประสิทธิภาพการทำงานสูง อาทิ เครื่องยนต์รุ่น 510PS LR-V8 Supercharged สามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 5.1 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นในปัจจุบัน 0.8 วินาที ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงถึง 9%
เทคโนโลยีโครงสร้างน้ำหนักเบา ยังทำให้ เรนจ์โรเวอร์ สามารถนำเสนอเครื่องยนต์รุ่น 3.0-litre TDV6 ให้เป็นอีกหนึ่งในทางเลือก โดย ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ซึ่งแม้จะขนาดเล็กกว่าและน้ำหนักเบากว่าถึง 420 กก. แต่มีกำลังแรงเทียบเท่าเครื่องยนต์รุ่น 4.4-litre TDV8 ทั้งยังลดการใช้เชื้อเพลิงได้ถึง 22% ที่อัตรา 37.7 เมตร/แกลลอน และยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 196 กรัม/กม.
พันธะสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของ เรนจ์โรเวอร์ จะเป็นที่ประจักษ์ยิ่ง เมื่อ เรนจ์โรเวอร์ กำหนดเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแบบไฮบริดจ์ประสิทธิภาพสูง ในช่วงปลายปี 2556 (เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 169 กรัม/กม.)
เทคโนโลยีระดับพรีเมี่ยมจาก เรนจ์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยียานยนต์ระดับสูงใหม่ล่าสุด สมบูรณ์แบบด้วยโครงรถอันล้ำสมัยและระบบสนับสนุนการขับขี่ที่มั่นใจได้ รวมทั้งการตกแต่งภายในอันหรูหราที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งผู้นำของคุณ
การออกแบบห้องโดยสารระดับพรีเมี่ยมทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง มอบความรู้สึกภูมิฐานและโดดเด่น เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อระบบความบันเทิงสมัยใหม่ครบครัน ซึ่งได้แก่:
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ผสมผสานการใช้โครงรถแบบใหม่เข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ในทุกสภาวะตามหลักกลศาสตร์ และเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลายและไร้ความกังวลตลอดเส้นทาง โดยระบบใหม่ที่ติดตั้งใน ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้แก่:
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยานยนต์แลนด์โรเวอร์ กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.landroverthailand.com
-กภ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit