กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--มูลนิธิวัดไทยกุสินาราฯ
โครงการการจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สองแผ่นดินครั้งประวัติศาสตร์” ณ แดนพุทธภูมิ ในครั้งนี้ เพื่อฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปีแห่ง การตรัสรู้ธรรมขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษาและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๘๐ พรรษา และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา
การจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้ กรมศิลปากรแจ้งว่า ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย และของโลก เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยมีพระบรมราชานุญาติ ให้สร้างพระบรมรูปที่มีขนาดใหญ่เสมือนเท่าองค์จริงมาก่อน ดังนั้นในการอัญเชิญไปประดิษฐานยังประเทศอินเดีย จะมีพิธีฉลองอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้ประชาชน ทั้ง ๒ ประเทศ ได้ร่วมกันถวายสักการะ และชื่นชมพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายณรงค์ฤทธิ์ เอี่ยมเจริญยิ่ง ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิวัดไทยกุสินาราฯ แถลงถึงโครงการจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเฉลิม พระเกียรติ พระองค์ทรงเป็นผู้มีคุณูประการอันใหญ่หลวงต่อพระพุทธศาสนา ตามที่วัดไทย กุสินาราเฉลิมราชย์ ขอพระบรมราชานุญาติจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมอาคารประดิษฐานพระบรมรูปภายในวัดไทยกุสินาราฯนั้น ขณะนี้ได้จัดสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะเคลื่อนไปประดิษฐานยัง วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ประเทศอินเดีย หลังพิธีเจริญพระพุทธมนต์นี้ โดยส่งทางการบินไทย
พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานยังวัดไทยกุสินาราฯ นั้น หล่อด้วยบรอนซ์ผสมทอง ขนาดความสูง ๒.๓๐ เมตร น้ำหนักประมาณ ๑,๐๐๐ กิโลกรัม ออกแบบ พร้อมได้รับการตรวจสอบจากสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร และปรับแต่งโดยนายนนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (วิจิตรศิลป์) และมีนายเครน กุญชศิลป์ เป็นประติมากรผู้ปั้นต้นแบบ ใช้เวลาจัดทำต้นแบบถึง ๒ ปี ด้วยความประณีต ทุกขั้นตอน ส่วนอาคารประดิษฐาน เป็นแบบผสมไทยและอินเดีย ออกแบบโดยอาจารย์วนิดา พึ่งสุนทร ศิลปินแห่งชาติ สาขาสถาปัตยกรรม (แบบประเพณี) โดยได้รับพระบรมราชวินิจฉัยแบบอาคารประดิษฐานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
อาคารประดิษฐานพระบรมรูปนี้อยู่เคียงคู่กับเจดีย์พระมหาธาตุเฉลิมราชย์ศรัทธาที่ออกแบบโดย อาจารย์วนิดา พึ่งสุนทร เช่นกัน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวินิจฉัยและทรงแก้ไขแบบของพระมหาธาตุเจดีย์จนสง่างามและได้รับการ ชื่นชมยินดี จากทางรัฐบาลอินเดียว่าเป็นสถานที่ที่ผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย ควรจะได้มีโอกาสมาได้ ชื่นชมยินดี พร้อมทั้งพระราชทานพระบรมสารีริกขธาตุ และเส้นพระเจ้าให้ประดิษฐานยังพระมหาธาตุเจดีย์แห่งนี้ด้วย ซึ่งยังความปลื้มปิติเป็นล้นพ้นต่อชาวพุทธในประเทศไทยทั้งมวล รวมถึงชาวพุทธจากนานาประเทศทั่วโลกด้วย
อย่างไรก็ตาม วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานชื่อให้ หมายถึงวัดที่ชาวไทยสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ตั้งอยู่ ณ เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย อันเป็นสังเวชนียสถานที่ดับขันธ์ปรินิพานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นสถานที่ ที่มีความสำคัญและเหมาะสมที่จะอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปประดิษฐานยังสถานที่แห่งนี้
อนึ่ง โอกาสนี้ทางมูลนิธิฯ ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วม บูชา รูปหล่อพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำลอง ขนาด สูงจากฐาน ๒๑ นิ้ว ทำจากบรอนซ์(Bronze) ในราคา ๕๐,๐๐๐ บาท ที่เหลือเพียง ๑๐๐ องค์ ซึ่งรายได้จากการเช่าบูชา จะนำไปสมทบทุ่นร่วมสร้างอาคารประดิษฐานพระบรมรูป ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ สาธารณรัฐอินเดีย สำหรับผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ โทรศัพท์ ๐๒ ๑๘๔ ๔๕๓๙-กภ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net