กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--บลจ.ฟินันซ่า
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด เผยแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก เริ่มชะลอตัวลงตามที่ไอเอ็มเอฟ (IMF) คาดการณ์ล่าสุดในกลางเดือน ก.ค. 55 ที่ผ่านมาในขณะที่ธนาคารกลางหลายประเทศต่างเริ่มลดดอกเบี้ย เช่น ธนาคาร กลางจีน (PBOC) ได้ลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในหนึ่งเดือน แต่เศรษฐกิจประเทศไทยกลับแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ เพราะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจและกิจกรรมการ ผลิตจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตที่ดีขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปลายปีทีผ่านมา และสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไทยเร่งตัวขึ้นมาก การออกหุ้นกู้ภาคเอกชน ไทยก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน เกิดแรงกดดันให้ต้นทุนการเงินเริ่มปรับสูงขึ้น ในภาวะดังกล่าวนี้ที่มีความแตกต่างกันระหว่างเศรษฐกิจภายนอกและภายใน ประเทศ จึงมีความเป็นไปได้ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะหนึ่งเพื่อรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและไทยให้เห็นทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้น การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นจึงเป็นเรื่องที่เหมาะกับสถานการณ์ที่ทิศทางดอกเบี้ยยังไม่ชัดเจน เพราะถ้าลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นจน ครบกำหนดแล้ว ปรากฏว่าธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ย ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในกองทุนตราสารหนี้กองใหม่ต่อโดยไม่เสียโอกาสจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และ ถ้าธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยนโยบาย ผู้ลงทุน ก็สามารถปรับแผนการลงทุนใหม่ให้เหมาะกับสถานการณ์เช่นกัน กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 3เดือน3 (FAM FIPR 3M3) จะเปิดเสนอขายตั้งแต่ 23-27 กรกฎาคมนี้ ด้วยประมาณการผลตอบแทนที่ 3.25% ต่อปีสำหรับการลงทุน 3 เดือน โดยเป็น กองทุนโรลโอเวอร์ที่ครบกำหนดแล้วและเปิดขายรอบถัดไป โดยสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท นักลงทุนสามารถใช้ช่องทางการลงทุนใหม่ล่าสุดของบริษัท โดยซื้อกองทุนผ่านระบบอินเตอร์เนตได้ที่ศูนย์บริการเคทีซี ทัช 14 สาขา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02 352-4050
FAM FIPR 3M3 เป็น specific fund หรือกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมี ไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือ เงินฝาก ของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) โดยในครั้งนี้เราจะลงทุนใน เงินฝากธนาคารต่างประเทศ สกุลเงิน USD หรือ CNY กับธนาคาร BOC, Macao, ธนาคาร CIMB, Niaga, Indonesia หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1)* ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ** เงินฝาก AED ธนาคาร Union National Bank,UAE(P-1) )* หรือ เงินฝากธนาคาร และ/หรือตั๋วเงินและ/หรือหุ้นกู้** ตราสารหนี้ บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB) ตั๋วเงิน หรือ ตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ขึ้นไป*** ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
เราจะเปิดให้มีการซื้อและขายคืนหน่วยลงทุน ทุก ๆ 3 เดือนโดยประมาณ นับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม กองทุนนี้เหมาะ สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชนและ/หรือ เงินฝาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่า เงินฝากธนาคาร ในระยะเวลานานประมาณ 3 เดือนสำหรับการลงทุนแต่ละรอบ กองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศซึ่งเราจะทำการการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลก เปลี่ยนเต็มจำนวน
สำหรับรอบการลงทุนของการสั่งซื้อหน่วยลงทุนครั้งที่ 1
อัตราผลตอบแทนโดยประมาณเท่ากับ 3.25% ต่อปี ซึ่งคำนวณจากการลงทุน สำหรับรอบระยะเวลาประมาณ 3 เดือน
ตราสารที่ลงทุน***
ผลตอบแทนของตราสารในรูปสกุลเงินบาทโดยประมาณ (ต่อปี) สัดส่วนการลงทุนโดยประมาณ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในรูปสกุลเงินบาทโดยประมาณ (ต่อปี) ระยะเวลาการลงทุนโดยประมาณ
เงินฝากธนาคารต่างประเทศ สกุลเงินUSD หรือ CNY กับธนาคาร BOC, Macao, ธนาคาร CIMB,Niaga,Indonesia หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1)* ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ** 3.40%*
24.00%
0.81%
3 เดือน
เงินฝากAED ธนาคาร Union National Bank,UAE(P-1) )* หรือ เงินฝากธนาคารและ/หรือตั๋วเงินและ/หรือหุ้นกู้**
3.40%
20.00%
0.68%
3 เดือน
ตราสารหนี้ บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991)(BBB)
4.10%
22.00%
0.90%
3 เดือน
ตั๋วเงิน หรือ ตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือBBB+ขึ้นไป***
3.40%
33.50%
1.13%
3 เดือน
ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
2.99%
0.50%
0.01%
3 เดือน
ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุน (ต่อปี)
(0.28%)
อัตรารับซื้อคืนโดยประมาณ (ต่อปี)
3.25%
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit