กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
กระทรวงการคลังผลักดันด่านศุลกากรสะเดาให้เป็นต้นแบบการบริการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและเป็นประตูการค้าเชื่อมโยงนานาชาติ พร้อมเร่งพัฒนาด่านศุลกากรระนองให้เป็นท่าเรืออเนกประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ และปรับปรุงด่านพรมแดนสะเดาเดิม เพื่อให้เป็นด่านต้นแบบในการให้บริการด้านเศรษฐกิจการค้าชายแดนอย่างเต็มรูปแบบ มีความทันสมัยเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี2558 และปริมาณการค้าที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต คณะรัฐมนตรีจึงมีมติอนุมัติงบประมาณ ตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2554 ในวงเงิน 123.8 ล้านบาท บนพื้นที่ 661 ไร่ โดยคาดว่าจะสามารสร้างด่านแห่งใหม่และปรับปรุงด่านฯ เดิมให้แล้วเสร็จภายในปี 2557
การออกแบบด่านศุลกากรสะเดาได้ให้ความสำคัญกับการจัดการด้านโลจิสติกส์ และห่วงโซ่อุปทานเป็นหลัก เพื่อให้ด่?านศุลกากรสะเดาใหม่เป็นต้นแบบที่มุ่งในการให้บริการลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานเป็นสำคัญ เช่น การรองรับปริมาณการค้าและผู้โดยสารในอีก 20 ปี ซึ่งจะสร้างระบบที่รองรับการให้บริการศุลกากร ณ จุดเดียว (One Stop Services) โดยมีการแยกการจราจรรถขนส่งสินค้าและการเดินทางผ่านเข้า-ออกด่านของผู้โดยสารออกจากกัน รวมไปถึงการเพิ่มระบบเครื่อง X-Ray ในการตรวจสินค้าเพื่อความรวดเร็วในการอำนวยความสะดวก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังได้มีการศึกษาแผนหลัก (Master Plan Study) ของโครงการ โดยจะใช้แนวคิดที่จะพัฒนาให้ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่?และพื้นที่ส่วนต่?อเนื่องข้างเคียงเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ (Economic Development) ทั้งในระดับพื้นที่และระดับภูมิภาคโดยวางแผนให้ด่านศุลกากรสะเดาเป็นประตูการค้าที่เชื่อมโยงสู่?นานาประเทศ
ทั้งนี้การผลักดันและเร่งการพัฒนาด่านศุลกากรสะเดาจึงจะมีความสำคัญอย่างมากในอนาคต จากการคาดการณ์ของสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบว่าปริมาณการค้าด่านสะเดาจะเพิ่มสูงขึ้นมาก ก่อนที่จะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยคาดว่าในปี 2558 จะมีปริมาณการค้า 411,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1 แสนล้านบาทจากปัจจุบัน และจำนวนผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้นถึง 3.78 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากกว่า 4 แสนคนจากปัจจุบัน
ส่วนปริมาณการค้าของด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับด่านศุลกากรสะเดา โดยในปี 2554 มีมูลค่าการค้าสูงถึง 235,368 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 15.4 มูลค่าการนำเข้า 37,717 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.5 และมีมูลค่าการส่งออก 197,650 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 20.1 ทำให้ในปี 2554 ด่านปาดังเบซาร์มีมูลค่าเกินดุลการค้ากว่า 159,933 ล้านบาท
สำหรับจังหวัดระนอง อยู่ระหว่างดำเนินการจะผลักดันให้จังหวัดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมการลงทุน ทั้งภาคการผลิตและภาคแรงงานให้กับผู้ประกอบการ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตที่สำคัญในภูมิภาค และใช้ประโยชน์สูงสุดจากท่าเรือระนองเพื่อการส่งออกและนำเข้า ซึ่งในอนาคตสามารถพัฒนาเป็น HUP ของอ่าวเบงกอล (Transportation Hub of Ranong – Bengal Bay) เพื่อเชื่อมประเทศไทย – มาเลเซีย – อินโดนีเซีย – อินเดีย – บังกลาเทศ ด้วยการผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากท่าเรืออเนกประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการส่งออกของภาคใต้ตอนบนอย่างมีประสิทธิภาพ
การพัฒนาท่าเทียบเรือศุลกากรระนองให้เป็นท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนจังหวัดระนอง คาดว่าจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาจังหวัดทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน รวมไปถึงพื้นที่โดยรอบด้วย ดังนั้นกรมศุลกากรจึงอยู่ในระหว่างการศึกษาและวิเคราะห์เพื่อเสนอแนวทางเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตปลอดอากรสำหรับประกอบการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (Tourism Free Zone) หรือเขตเศรษฐกิจรูปแบบอื่นๆที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุนภายในประเทศ
กรมศุลกากร
โทร. 02 249 0431 - 40
-นท-