กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--ปตท .
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท. ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างบริษัท ฟอสเตอร์ วีลเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมการขยายความสามารถในการรับจ่ายแอลพีจี ระยะที่ 1 เพื่อการขยายระบบคลังและท่าเรือนำเข้าที่คลังก๊าซเขาบ่อยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นท่าเรือสำหรับรับเรือนำเข้าแอลพีจีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ให้มีกำลังนำเข้าก๊าซสูงสุด 250,000 ตัน/เดือน จากเดิม 132,000 ตัน/เดือน และ ปตท. จะดำเนินการขยายระบบคลังจ่ายก๊าซบ้านโรงโป๊ะ และ คลังก๊าซภูมิภาคให้มีความสามารถเพิ่มขึ้นให้เพียงพอกับความต้องการแอลพีจีของประเทศ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2558 การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่เห็นชอบให้ ปตท. เพิ่มขีดความสามารถกักเก็บและกระจายก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี (LPG Facility) เพื่อรองรับปริมาณการใช้แอลพีจีที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนการดำเนินงานในระยะที่ 2 จะเป็นการก่อสร้างคลังและท่าเรือนำเข้าแห่งใหม่ ด้วยกำลังนำเข้าก๊าซสูงสุด 250,000 ตัน/เดือน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2561 ทำให้มีกำลังการนำเข้าสูงสุดรวมกว่า 500,000 ตัน/เดือน
อย่างไรก็ตาม นายณัฐชาติ กล่าวว่า แม้ว่าการดำเนินงานครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพลังงานให้เพียงพอกับความต้องการของประเทศ แต่สิ่งที่คนไทยทุกคนจะต้องตระหนักคือ การรู้จักใช้พลังงานอย่างประหยัดและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าทุกวันนี้รัฐยังคงนำเงินจากกองทุนน้ำมันมาอุดหนุนราคาแอลพีจี ภาคครัวเรือนและขนส่ง โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใช้เงินในการอุดหนุนราคาก๊าซแอลพีจี ตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบันไปแล้วประมาณ 95,000 ล้านบาท จนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบอยู่กว่า 23,000 ล้านบาท และรัฐต้องกู้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีก เพื่อมาใช้ในการชดเชยราคาพลังงาน ดังนั้นการยอมรับราคาที่เป็นจริง จะทำให้คนไทยทุกคนมีสิทธิ์ได้รับการดูแลเรื่องการใช้พลังงานอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมทั่วกันทั้งประเทศ-กภ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit