ทำไมสมัยโบราณ? "หญิงเป็นควาย ชายเป็นคน" ต้องดู "อำแดงเหมือนกับนายริด"

17 Aug 2012

กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--ไทยพีบีเอส

กำลังจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่สำหรับละครเรื่องอำแดงเหมือนกับนายริดเวอร์ชั่นช่องไทยพีบีเอสที่นำนักแสดง เช่น สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข, อาร์-อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ, เต้-ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์, รอน บรรจงสร้าง, ปวีณา ซารีฟสกุล และ ดิลก ทองวัฒนา ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดของบทละครโทรทัศน์ได้ดำเนินการสร้างให้เหมือนชีวิตจริงๆ ถึง 80 %

โดยบทประพันธ์ได้อ้างอิงจากหนังสือที่ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในสมัยรัชกาลที่ 4 เรียกร้องให้มีการแก้กฎหมายที่พันธนาการผู้หญิงในยุคนั้นให้มีค่าความเป็นคนน้อยกว่าเพศชายนำเสนอการเรียกร้องสิทธิสตรีไทยในสมัยโบราณ

ทั้งนี้ พระเอกภาพยนตร์จากคนโขน อาร์-อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ และ อาจารย์สรพล ถีระวงษ์ อาจารย์ด้านนาฏศิลป์ไทย อดีตหนึ่งในผู้สร้างสรรค์ละครชาดกเรื่องพระเวสสันดร และผู้กำกับอดีตพระเอกฝีมือดี สถาพร นาควิไลโรจน์ เดินทางมาเยี่ยมกองบรรณาธิการ นสพ. บางกอกทูเดย์ โดยมีนายคริษฐ์ ขันทอง ผู้สื่อข่าวบางกอกทูเดย์ให้การต้อนรับ

ด้าน นายสถาพร นาควิไลโรจน์ กล่าวว่า "ละครเรื่องนี้ตั้งใจทำอย่างละเอียดเพื่อให้คนดูได้ประทับใจ และรู้เรื่องราวในอดีต เราทำงานด้วยใจ เพราะแต่ละโลเคชั่น ได้คัดเลือกอย่างดีเยี่ยม เช่น สุพรรณบุรี นนทบุรี เพชรบุรี สระบุรี ฯลฯ ซึ่งเราต้องการทำให้เหมือนในยุครัชกาลที่ 4 ให้มากที่สุด ดังนั้นบทละครต้องดี อาจจะมีฉากที่สนุกๆ บ้าง แต่ก็เน้นความจริง เช่น ฉากนายริดที่น้องอาร์รับบทพระเอก ก็ต้องโกนหัวบวชจริงๆ ท่องบทสวดมนต์จริงๆ ผมอยากให้ติดตามชมกันทางช่องไทยพีบีเอส ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะใกล้ๆ วันที่รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชสมภพด้วย คือท่านพระราชสมภพเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 14 ค่ำ ปีชวด ฉศก จุลศักราช 1166 ซึ่งตรงกับวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 ณ พระราชวังเดิม ดังนั้นเราคนไทยอยากให้ติดตามชมกันครับ"

สำหรับประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์เรื่องอำแดงเหมือนกับนายริดนั้นมีดังนี้

ในปีพ.ศ. 2537 มีการสร้างวภาพยนตร์เรื่อง อำแดงเหมือนกับนายริดขึ้น เพื่อแสดงถึงการเรียกร้องสิทธิสตรีไทยในสมัยโบราณ ซึ่งในอดีตนั้น สิทธิ์ของผู้หญิงนั้นโดนกดขี่มาก เรียนกได้ว่า หญิงเป็นควาย ชายเป็นคน ทำให้สภาพความเป็นอยู่ของผู้หญิงนั้นแทบไม่ต่างกับส้ตว์ที่ต้องยอมผู้เป็นนายทุกเรื่อง

ตามประวัติศาสตร์มีการบันทึกว่าเป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 อำแดงเหมือนนั้นมีอายุ 21 ปี ชอบพอรักใคร่ กับนายริด โดยที่บิดามารดา ของอำแดงเหมือนไม่ทราบ ต่อมาบิดามารดา ของอำแดงเหมือน จัดการบังคับแต่งกับนายภู

แต่เธอไม่สมัครใจที่จะอยู่กินฉันสามีภริยากับนายภู บิดามารดาของอำแดงเหมือนจึงทุบตีและบีบบังคับให้แต่งงานกับนายภู และได้สมคบกับนายภูให้ฉุดคร่าอำแดงเหมือนไปไว้ในที่บ้านถึงสองครั้ง แต่อำแดงเหมือนก็ดิ้นรนและยืนกรานไม่ยอมเข้าไปในเรือนของนายภูและหลบหนีกลับมาบ้าน

เมื่อมาถึงบ้านบิดามารดาก็ทุบตี และข่มขู่จะฆ่า ในที่สุดอำแดงเหมือนจึงหลบหนีไปอยู่บ้านนายริด หลังจากนั้นบิดามารดาของอำแดงเหมือน บอกให้นายริดนำผู้ใหญ่ไปสู่ขอและขมาโทษที่บ้านกำนัน เมื่อนายริดแลญาติผู้ใหญ่ไปถึง พบนายภู นายภูจัดการกักตัวญาติผู้ใหญ่ของนายริดไว้ที่บ้านกำนัน และอำแดงเหมือน , นายริดและบิดามารดาของนายริด ก็ถูกหมายเรียกตัว ไปยังศาลากลางเมืองนนทบุรีเพื่อดำเนินคดี

ซึ่งอำแดงเหมือนให้การต่อพระนนทบุรีและกรมการว่าไม่ได้รักใคร่ยอมเป็นเมียนายภู กรมการจึงเปรียบเทียบว่าถ้านายภูสาบานตัวได้ว่าอำแดงเหมือนยินยอมเป็นเมียนายภู ก็ให้นายริดแพ้ความ แต่นายภูไม่ยอมสาบานตัว กรมการจึงเปรียบเทียบว่าให้อำแดงเหมือนสาบานว่าไม่ได้ยอมเป็นเมียนายภูและให้คดีเลิกแล้วต่อกัน

แต่นายภูก็ไม่ยอมให้อำแดงเหมือนสาบานอีก ต่อมานายภูได้มาฟ้องกล่าวหานายริด บิดามารดาของนายริด และญาติผู้ใหญ่ของนายริดอีก 2 คน พระนนทบุรี และกรมการบังคับให้นายริดส่งตัวอำแดงเหมือนให้แก่ตุลาการ อำแดงเหมือนได้ให้การตามเดิมว่าไม่ได้เป็นภริยาของนายภู แต่เธอกลับถูกควบคุมตัวไว้ในห้องขัง ในระหว่างนั้นมารดาของเธอก็ได้ขู่เข็ญให้ยอมเป็นเมียนายภู และแกล้งใช้งานต่างๆ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนมาก ในที่สุดอำแดงเหมือนจึงได้หนีมาถวายหนังสือฎีกาแก่พระเจ้าอยู่หัว ยืนยันว่าไม่ได้เป็นภริยาของนายภู และสมัครใจที่จะอยู่กินกับนายริด

พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงมีพระบรมราชวินิจฉัยว่า "หญิงนั้นอายุก็มากถึง 20 ปีเสศแล้ว ควรจะเลือกหาผัว ตามใจชอบของตนเองได้" แต่ให้นายริดจ่ายค่าเบี้ยละเมิด และค่าฤชาธรรมเนียม แก่บิดามารดาอำแดงเหมือนและนายภู ให้เลิกอายัดและยกฟ้องปล่อยตัวญาติผู้ใหญ่ ของนายริด และวินิจฉัยถึงสาเหตุ ที่บิดามารดา ของอำแดงเหมือน ยอมให้นายภูมาฉุดคร่าตัวอำแดงเหมือนไปถึงสองครั้งนั้นว่า อาจเนื่องมาจาก เหตุที่บิดามารดาได้ทำหนังสือขายอำแดงเหมือนให้แก่นายภูไปแล้วซึ่งหาเป็นเช่นนั้นได้ตัดสินว่า "บิดามารดา ไม่ได้เป็นเจ้าของผู้หญิง ดังหนึ่งคน เป็นเจ้าของโค กระบือ ช้าง ม้า ที่ตนจะตั้งราคาขายโดยชอบได้

เมื่อบิดามารดายากจนจะขายบุตรได้ก็ต่อบุตรยอมให้ขาย ถ้าไม่ยอมให้ขายก็ขายไม่ได้ ฤๅยอมให้ขายถ้าบุตรยอมรับหนี้ค่าตัวเพียงไร ขายได้เพียงเท่านั้น กฎหมายเก่าอย่างไร ผิดไปจากนี้อย่าเอา" ถือว่าอำแดงเมือนเป็นสตรีไทยคนแรก ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของตนเอง คดีนี้จึงโด่งดังมาก

-นท-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net