กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง
ในรูปเงา ผลงานของเงาจันทร์ (อำไพ สังข์สุข) และ เวลาของชาติ ผลงานของกิติวัฒน์ ตันทะนันท์ จัดพิมพ์โดย แพรวสำนักพิมพ์ สำนักพิมพ์ในเครือบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทนวนิยาย และรางวัลชนะเลิศประเภทรวมเรื่องสั้นตามลำดับ จากโครงการประกวดหนังสือดีเด่นรางวัล “เซเว่นบุ๊คอวอร์ด” ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๕๔ โดยคณะกรรมการตัดสินได้มีความเห็นว่า
ในรูปเงา ผลงานของเงาจันทร์ นวนิยายเล่มบางที่ผูกเรื่องจากปมความรักและความแค้นอันเป็นกิเลสสำคัญที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์จากหน้ามือเป็นหลังมือ นวนิยายนี้ใช้โครงเรื่องตามขนบที่นิยมกันแบบหนึ่ง คือ โครงเรื่องรักสามเส้า ซึ่งมี ๒ วงเหลื่อมซ้อนกัน วงแรกคือความรักของพร้อม พลิ้ว และเจ้าดอกรุงรัง ซึ่งเป็นวัวที่พร้อมซื้อมาให้พลิ้วเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก แต่เขาเคยเฆี่ยนตีมันอย่างรุนแรงเพื่อระบายความเจ็บแค้นในใจ เจ้าดอกรุงรังจึงอาฆาตแค้นพร้อมไม่รู้เลิกรา พลิ้วจึงมีทั้งความรักและความแค้นให้เจ้าวัวเลี้ยงของตนไปพร้อมๆกัน รักสามเส้าวงที่สอง คือ ความรักของพร้อม พลิ้ว และว่าน พลิ้วรักว่าน แต่ว่านรักพร้อม ส่วนพร้อมก็รักลูกชายของตน จึงยอมเก็บงำความลับเร้นเอาไว้ เมื่อพลิ้วล่วงรู้โศกนาฏกรรมจึงเกิดขึ้น เจ้าดอกรุงรังและว่านจึงพรากพร้อมและพลิ้วให้จากกันชั่วนิรันดร์กาล
นวนิยายเรื่องนี้เป็นงานวรรณศิลป์ที่นำเสนอเรื่องเสน่หาอารมณ์อันเป็นธรรมชาติของสรรพสัตว์ นอกจากความรักความใคร่ของมนุษย์แล้ว ฉากของวัวหนุ่มกับวัวสาวที่กำลังติดสัด จริตของวัวสาวที่เย้ายวนวัวหนุ่มที่มันหมายปอง วัวสาวใจเสรีที่เลือกวัวหนุ่มแปลกหน้ามากกว่าวัวหนุ่มในฝูง ฉากหึงหวงของเหล่าวัวหนุ่มกลัดมันที่กลุ้มรุมทำร้ายวัวต่างถิ่นที่ได้ใจวัวสาวไปครอง ฉากอันน่าตื่นเต้นระทึกใจเหล่านี้ล้วนเป็นภาพสะท้อนของพฤติกรรมมนุษย์อย่างแยบคาย ดังนั้น เหล่าวัวในท้องทุ่ง โดยเฉพาะเจ้าดอกรุงรังจึงไม่ใช่เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงประกอบฉากทุ่งนา หากแต่เป็นเงาสะท้อนกลับไปมาระหว่างธรรมชาติสัตว์กับธรรมชาติมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากจบของเรื่องการชำระแค้นตามสัญชาตญาณของสัตว์ที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส กับการคุมแค้นของมนุษย์ จนสามารถปล่อยให้ความตายเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาโดยไม่แยแส กลมกลืนรวมเป็นเนื้อเดียวกันจนไม่มีอะไรแตกต่าง ไม่ว่าคนหรือสัตว์ล้วนมีความดิบเถื่อนของสัญชาตญาณมืด ซึ่งหากขาดความควบคุมเสียแล้ว มนุษย์ผู้ประเสริฐก็ไม่แตกต่างจากสัตว์เดรัจฉาน เพียงวาบเดียวของโทสจิตก็สามารถทำลายความรักและบุคคลที่รักได้หมดสิ้น นวนิยายเรื่องนี้จึงเป็นโศกนาฏกรรมที่บีบหัวใจผู้อ่านไม่แพ้นวนิยายรักคลาสสิกในอดีต
ความรัก ความแค้น ความสวยงาม ความโหดร้าย ความนุ่มนวล ความดิบเถื่อนต่างสอดร้อยกันไปมาอยู่ในพฤติกรรม ในอารมณ์ของมนุษย์และสัตว์ ในสีสันของต้นไม้ดอกไม้ ของฝูงแมงปอริมคลองอันร่มรื่น ในรูปเงาที่เต้นไหวอยู่บนรั้วขัดแตะ เป็นองค์ประกอบที่จัดวางไว้ลงตัว ไม่ขาดไม่เกิน และหนุนส่งให้เรื่องราวในนวนิยายดำเนินไปอย่างมีพลังอารมณ์เข้มข้น
ในรูปเงา เป็นนวนิยายที่สามารถตรึงผู้อ่านไว้กับตัวหนังสือตั้งแต่หน้าแรกไปจนหน้าสุดท้าย ระหว่างที่อ่านจะรู้สึกว่าเส้นประสาทกล้ามเนื้อขมวดเขม็งบิดเกลียวอยู่ข้างใน ใจเต้นระทึกตึกตัก บางครั้งรู้สึกเหมือนลืมหายใจ จนต้องระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ที่กลั้นไว้อย่างไม่รู้ตัวเมื่อปิดหน้าหนังสือลง
เงาจันทร์ (อำไพ สังข์สุข) กล่าวว่า “ที่มาของนิยายสั้นชื่อในรูปเงามาจากคำถามที่ข้าพเจ้าพบว่า ทำไมคนจำนวนหนึ่งจึงมีชีวิตอยู่ด้วยความเสียใจกับบางเรื่องราวในชีวิตอยู่เสมอ เรามักทำผิด แต่ก็หวนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ ขณะเดียวกันเราก็ใช้ชีวิตในปัจจุบันขณะไปตามแรงเหนี่ยวนำของกิเลส ราคะ โดยไม่พยายามจะรู้เท่าทัน มนุษย์อ่อนไหวกับความรักและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพศรส แล้วก็ถูกโบยตีทำร้ายด้วยความรู้ผิดของตนเอง บนโลกอันสวยงามและน่ารื่นรมย์แห่งนี้จึงเป็นที่รวมของคนทุกข์อันมีจำนวนมากจนประมาณมิได้
“แต่นิยายก็คือนิยาย ข้าพเจ้าแต่งให้มันสะท้อนธรรมชาติอันอ่อนแอของมนุษย์ แต่กระนั้นก็ไม่ละเลยที่จะกล่าวถึงมนุษยธรรม ซึ่งปุถุชนธรรมดานี้แหละซ่อนเร้นมันไว้ในใจของทุกคนด้วยเช่นกัน เรื่องราวในชีวิตคนเราก็ไม่แตกต่างจากนิยาย มันเริ่มต้นแล้วก็จบลง จึงขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขกับการอ่านเรื่องนี้ และหากมีสิ่งอันพึงกระทำในอันดับต่อไปบ้างก็คือ เราควรเสาะหาแรงบันดาลใจใหม่แล้วลืมความเสียใจในส่วนลึกนั้นเสียบ้าง ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปได้เช่นนั้น ข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้ประพันธ์ก็จักมีความยินดียิ่ง”
เวลาของชาติ ผลงานของกิติวัฒน์ ตันทะนันท์ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจำนวน ๘ เรื่องของ กิติวัฒน์ ตันทะนันท์ ที่มีความโดดเด่นทั้งในเนื้อหาและวรรณศิลป์ ผู้แต่งนำเสนอเหตุการณ์และเรื่องราวอันหลากหลายของผู้คนในสังคม โดยเน้นย้ำถึงเบื้องลึกของความคิด อารมณ์และความรู้สึก ซับซ้อนลุ่มลึกภายในตัวตนของมนุษย์ต่างสถานะ ต่างเพศ และต่างวัย บางเรื่องกล่าวถึงความรู้สึกโหยหาอดีตอันเปี่ยมสุข ได้แก่เรื่อง “เวลาของชาติ” บางเรื่องกล่าวถึงอารมณ์เหงาเศร้าร้าวรานของคนชราที่ปรารถนาจะได้รับไออุ่นจากลูกหลานได้แก่เรื่อง “บ้างสัตว์เลี้ยง” บางเรื่องกล่าวถึงมิติแห่งความรักละความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวในปัจจุบันสมัย ได้แก่เรื่อง “วีณา” ฯลฯ ผู้แต่งมีความสามารถในการใช้ภาษาที่มีพลัง กินใจ และประทับใจ เลือกใช้ลีลาโวหารในแต่ละเรื่องได้อย่างสอดคล้องกับเนื้อหา เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นร่วมสมัยที่ควรค่าแก่การอ่านอย่างยิ่งเล่มหนึ่ง
กิติวัฒน์ ตันทะนันท์ กล่าวว่า “ขณะย่ากำลังแหงนมองหาที่มาของเสียงบนท้องฟ้า ผมมองแกอยู่ จึงมีโอกาสได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ซึ่งฉายฉานอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มและประกายสายตาแห่งความคิดฝัน ใบหน้าชราของแกแลอ่อนวัยลงกว่าครึ่งค่อนชีวิต เสียงเครื่องบินคำรามอยู่ในก้อนเมฆ มันแผ่วเบากระทั่งขาดหายไป แต่ลงมาระนาบเดียวกับที่ที่ผมยืนอยู่ บวบรุ่นสุดท้ายออกดอกเหลืองพราวหน้าบ้าน อีกไม่นานเถามันจะค่อยๆแห้งตาย แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมเบื่อที่จะกินมันแล้วล่ะ ฝั่งตรงข้ามคลอง วัวสีน้ำตาลเข้าไปในดงสะแก เสียงปลาฮุบเหยื่อ เข้าใจว่าตรงตำแหน่งเสาสะพานเก่า นกหัวขวานเจาะไม้อยู่ตรงไหนสักแห่ง ใบกระท้อนร่วงเกลื่อนกลาด เย็นนี้ผมกับย่าคงต้องเก็บกวาดมัน ไม่มีอะไร ผมไม่ได้พยายามที่จะซ่อนนัยอะไรหรอก แค่อยากบอกเล่าบันทึกช่วงเวลาความรู้สึก ณ ปัจจุบันขณะลงในหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มแรกของผมเท่านั้น”
หนังสือ ในรูปเงา นวนิยายที่ถ่ายทอดอารมณ์อันเป็นธรรมชาติของมนุษย์และสัตว์อย่างแท้จริง ด้วยสำนวนและการบรรยายที่ถ้าได้อ่านแล้วจะตรึงใจจนวางไม่ลง และ เวลาของชาติ เรื่องสั้น ๘ เรื่องที่ผู้แต่งหยิบเรื่องราวใกล้ตัวมาเขียนให้เห็นถึงความหลากหลายของผู้คนในสังคม โดดเด่นด้วยเนื้อหาและวรรณศิลป์ โดยหนังสือ 2 เล่มนี้มีวางจำหน่าย ณ ร้านนายอินทร์และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
-กผ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit