กรุงเทพฯ--26 ต.ค.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
ที เอส ฟลาวมิลล์ หรือ TMILL ผู้ผลิตแป้งสาลีคุณภาพของไทย พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อนำเงิน 140 ล้านบาทชำระคืนเงินกู้ และอีก 123.5 ล้านบาทใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน อีกทั้งเตรียมพร้อมขยายกำลังการผลิต เตรียมซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์ ถังไซโล ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่งตั้งเอเซีย พลัสเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 85 ล้านหุ้น หุ้นละ 3.10 บาท เปิดจองสำหรับผู้ถือหุ้น ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล วันที่ 9-13 พฤศจิกายน และสำหรับนักลงทุนทั่วไปในวันที่ 14-16 พฤศจิการยนนี้ และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 23 พฤศจิกายนนี้
ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TMILL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriters) และแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย (Co-Underwriters) อีก 4 บริษัท ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็บมี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงิน 140 ล้านบาทชำระคืนเงินกู้ และอีก 123.5 ล้านบาทใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน อีกทั้งเตรียมพร้อมขยายกำลังการผลิต เตรียมซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับผลิตแป้งสาลี รวมทั้งถังไซโลสำหรับเก็บวัตถุดิบข้าวสาลีและแป้งสาลี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตแป้งสาลีจากปัจจุบันที่ผลิตได้ 250 ตันข้าวสาลีต่อวัน เป็น 500 ตันข้าวสาลีต่อวัน
“TMILL จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 85 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.10 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่ บริษัท ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล จำกัด (มหาชน) จำนวน 25.35 ล้านหุ้น และเสนอขายให้กับประชาชน 59.65 ล้านหุ้น เปิดให้มีการจองหุ้นสำหรับผู้ถือหุ้น ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล วันที่ 9-13 พฤศจิกายน และสำหรับนักลงทุนทั่วไปในวันที่ 14-16 พฤศจิการยน 2555 และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2555 โดยมั่นใจว่าหุ้นของ TMILL จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน” ดร.ชาญกฤช กล่าว
ดร.ชาญกฤช กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพสินค้าเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ข้าวสาลีที่มีมาตรฐานสูง นำมาผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ติดตามการทำงานทุกขั้นตอนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพของแป้งสาลีสูตรต่างๆ ได้อย่างแม่นยำจนได้เป็นแป้งสาลีที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ผลิตสินค้าจำนวนมากให้ความไว้วางใจสั่งซื้อแป้งสาลีจากบริษัทฯ จนไม่สามารถผลิตได้เพียงพอกับความต้องการ บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าการเพิ่มกำลังการผลิตอีกเท่าตัว จะมีตลาดรองรับอย่างแน่นอน โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายครอบคลุมผู้ประกอบการทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก และขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มุ่งเน้นลูกค้าในกรุงเทพและปริมณฑล ขณะเดียวกันจะขยายปริมาณขายให้กับลูกค้าเดิมเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ควบคุมปริมาณการขายไว้ที่ 30% ต่อราย นอกจากนี้ การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 จะส่งผลดีกับบริษัทฯ ในแง่ของการเพิ่มฐานลูกค้าในภูมิภาคนี้ด้วย
“สำหรับรายได้รวมของบริษัทฯ ระหว่างปี 2552-2554 เท่ากับ 1,063.2 ล้านบาท 898.6 ล้านบาท897.8 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นกำไรสุทธิ 38.5 ล้านบาท 68.7 ล้านบาท 32 ล้านบาท ตามลำดับ ในส่วนของรายได้รวม 6 เดือนแรกของปี 2555 อยู่ที่ 525.1 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 53.8 ล้านบาท หลังการขยายกำลังการผลิตแล้ว บริษัทฯ คาดว่าจะทำให้รายได้และกำไรในปี 2557 เติบโตเป็นเท่าตัว” ดร.ชาญกฤช กล่าว-กภ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit