กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--เอพีพีอาร์ มีเดีย
ซิทริกซ์ เผยกลยุทธ์ก้าวต่อไปในการผลักดันให้เกิดองค์กรที่ทำงานในลักษณะโมบาย (Mobile Enterprise) พร้อมนำเสนอบริการคลาวด์สำเร็จรูปเพื่อธุรกิจ โดยในช่วงปีหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้ ซิทริกซ์เล็งที่การขยายสายผลิตภัณฑ์ และปรับปรุงการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่น ผ่านผู้เชี่ยวชาญในองค์กร และการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจเชิงกลยุทธ์ โดยได้มีการเปิดเผยวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ด้านโมบายเวิร์กสไตล์ ในงาน Citrix Synergy ซึ่งเป็นการประชุมเกี่ยวกับการทำงานในรูปแบบโมบายและบริการคลาวด์ ซึ่งจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมาในกรุงบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน งานดังกล่าวเป็นงานในวงการอุตสาหกรรมไอทีที่จัดขึ้นปีละสองครั้ง โดยปีนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม ที่ผ่านมา
จุดเด่นหลักๆ ที่มากับกลยุทธ์โมบายเอ็นเตอร์ไพร์ซ ประกอบด้วย:
จุดเริ่มต้นของกลยุทธ์โมบายเอ็นเตอร์ไพร์ซของซิทริกซ์ คือ Citrix Receiver? เป็นยูนิเวอร์ซัลไคลเอ็นท์ซอฟต์แวร์ซึ่ง Citrix Receiver รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ มากกว่า 3 พันล้านตัว เช่น แท็บเล็ตรายหลักๆ สมาร์ทโฟน แล็บท็อป แมคและพีซี อีกทั้งยังสนับสนุนการใช้งานแท็บเล็ต และแล็บท็อป Windows 8 รุ่นใหม่ รวมถึงขยายการสนับสนุนไปยังอุปกรณ์ใหม่สำหรับกลุ่มคอนซูเมอร์ โดยล่าสุดซิทริกซ์ประกาศเปิดตัว Citrix XenClient? เวอร์ชั่นใหม่ ให้ระบบเวอร์ชวลเดสก์ทอป สำหรับอัลตร้าบุครุ่นใหม่น้ำหนักเบาได้นับหลายล้านเครื่อง นับเป็นการรเปลี่ยนโฉมหน้าตลาดแล็บท็อป ทั้งนี้ ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง Citirx Receiver และ XenClient จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับบริษัทที่กำลังมองว่าจะนำโปรแกรม BYOD ที่เปิดให้พนักงานนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในงาน มาปรับใช้ในองค์กร ในวิธีการที่ง่าย และได้รับการยอมรับว่ามีความปลอดภัย
ส่วนใหญ่โซลูชั่นที่มาจากฝ่ายไอทีล้วนใช้งานยาก ทำให้พนักงานในองค์กรหันมาใช้บริการคลาวด์สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นบริการที่ไม่ต้องพึ่งระบบรักษาความปลอดภัยในองค์กร เช่น การใช้งาน Dropbox เพื่อเรียกใช้งานเอกสารต่างๆ ได้ทุกเวลาที่ต้องการ ผ่านอุปกรณ์ของพนักงานเอง รวมถึงสามารถแบ่งปันเอกสารกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ผ่านระบบคลาวด์ได้ และเพื่อให้องค์กรมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย ซิทริกซ์จึงได้ประกาศเปิดตัว Citrix ShareFile? มาพร้อมกับ StorageZones และเนื่องจาก ShareFile สนับสนุนระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ปลายทางเพื่อใช้งานในองค์กร ฉะนั้นข้อมูลองค์กรที่มีการเรียกใช้งานผ่านอุปกรณ์ส่วนตัวจึงถูกเข้ารหัสไว้ และองค์กรธุรกิจสามารถลบข้อมูลในอุปกรณ์ปลายทางเหล่านั้นได้จากระยะไกลในกรณีที่พนักงานลาออกหรืออุปกรณ์เหล่านั้นสูญหายหรือถูกขโมยไป
ในคลาวด์ยุคใหม่ โครงสร้างพื้นฐานไอทีต้องมีขีดความสามารถในการให้บริการระดับใหม่ที่สามารถเร่งการทำงานของแอพพลิเคชั่นแบบเดิมด้วยความปลอดภัยและให้ทางเลือกในการใช้งานบริการคลาวด์จากที่ใดก็ได้ โดยสามารถส่งบริการจากคลาวด์ใดก็ตาม ให้กับผู้ใช้คนใดก็ได้ NetScaler? CloudConnectors เป็นนวัตกรรมโซลูชั่นใหม่ซึ่งขยายขอบข่ายการใช้เครือข่ายแบบเดิมเหนือขีดจำกัดของดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กร ไปสู่จุดใหม่ของการมีดาต้าเซ็นเตอร์ในทั่วทุกมุมโลก ซึ่งทำให้องค์กรมีเครือข่ายที่เชื่อมโยงการให้บริการครบวงจรตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางได้อย่างแท้จริง
การมีข้อมูลสารสนเทศที่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและพร้อมใช้งานจากที่ไหนก็ได้เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับการรักษาระดับของประสิทธิภาพในการทำงาน ซิทริกซ์ประกาศเปิดตัว @WorkMail และ @WorkWeb ซึ่งเป็น 2 แอพพลิเคชั่นโมบายใหม่ ที่อยู่ในชุดแอพพลิเคชั่นโมบาย Citrix Me@Work โดยแอพพลิเคชั่นใหม่ @WorkMail เป็นแอพพลิเคชั่นเพื่อการใช้งานอีเมล ปฎิทิน สมุดรายชื่อ สำหรับไอโอเอส และแอนดรอยด์ ผู้ใช้งานสามารถแนบเอกสารใน ShareFile และส่งอีเมล หรือจะเก็บเอกสารที่แนบมาไว้ใน ShareFile จากนั้นเปิดเอกสารแนบและลิงก์ไปยังเว็บด้วย @WorkWeb จัดการตารางนัดหมายด้วย GoToMeeting โดยสามารถใช้คุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างปลอดภัยบนอุปกรณ์โมบาย
นอกจากการแนะนำโซลูชั่นต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ซิทริกซ์ยังประกาศสานต่อกลยุทธ์ “เส้นทางสู่คลาวด์” ในงาน Synergy Barcelona 2012 ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การทำให้องค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถปรับไปใช้แอพพลิเคชั่นวินโดวส์และเดสก์ท็อป ผ่านบริการคลาวด์ได้ง่ายขึ้น จุดเด่นต่างๆ เหล่านี้ ประกอบด้วย
กลยุทธ์ “เส้นทางสู่คลาวด์” ของซิทริกซ์มุ่งเน้นไปที่การทำให้ลูกค้าขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่สามารถสร้างบริการคลาวด์ในสไตล์ของอเมซอนได้อย่างง่ายดาย และเพื่อเร่งให้เกิดการประยุกต์ใช้งานคลาวด์ในลักษณะระบบเปิด ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกันกับระบบอื่นได้ ซิทริกซ์จึงได้มีการประกาศการสนับสนุนใหม่ และสร้างความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องกับ Citrix CloudPlatform ซึ่งรองรับโดย Apache CloudStack ทั้งนี้ CloudStack ยังคงเล็งเห็นความสำคัญของการเร่งรัดให้มีการเข้าร่วมกับโลกโอเพ่นซอร์ส และด้วยจำนวนสมาชิกในชุมชนที่มีมากกว่า 30,000 รายจึงทำให้ CloudStack กลายเป็นหนึ่งในชุมชนโอเพ่นซอร์สที่เติบโตเร็วที่สุดและมีความเคลื่อนไหวมากที่สุด ในตลาดประเภทนี้
องค์ประกอบสำคัญอีกประการ คือ การมุ่งเน้นในการทำให้องค์กรธุรกิจเชื่อมต่อดาต้าเซ็นเตอร์ และไพรเวทคลาวด์ของตนไปสู่บริการคลาวด์จากหน่วยงานอื่นนอกองค์กร จุดศูนย์กลางของกลยุทธ์ซิทริกซ์ ในเรื่องนี้ คือ Citrix CloudBridge? นวัตกรรมโซลูชันที่อยู่เบื้องหลังดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กร ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อร่วมกับระบบคลาวด์ของหน่วยงานอื่นเป็นไปด้วยความปลอดภัย โปร่งใส และให้ประสิทธิภาพสูง ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ลูกค้าสามารถใช้งานคลาวด์สาธารณะได้อย่างปลอดภัย ยืดหยุ่น และสามารถใช้บริการได้ด้วยตนเอง เหมือนเป็นการขยายการบริหารจัดการดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กรออกไปได้อย่างราบรื่น และปลอดภัย ทั้งนี้ซิทริกซ์ได้มีการประกาศเปิดตัว CloudBridge เพื่อใช้งานบนเว็บเซอร์วิสของอเมซอน กำหนดวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจย้ายโหลดงานไปมาระหว่างระหว่างไพรเวทดาต้าเซ็นเตอร์ และอเมซอนคลาวด์ ได้อย่างโปร่งใส และปลอดภัย
การส่งมอบบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการบนพับบลิคคลาวด์หรือไพรเวทคลาวด์ให้กับผู้ใช้งานทั่วไป ผ่านอุปกรณ์ใดก็ตาม ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัยที่สุด นับเป็นเรื่องจำเป็น ทั้งนี้ ในงาน Synergy Barcelona ที่ผ่านมา ซิทริกซ์ได้สาธิตซอฟต์แวร์ที่กำลังจะเปิดตัว นั่นคือ NetScaler? SDX ซอฟต์แวร์แห่งอนาคต ซึ่งเป็นบริการที่รวบรวมแพลตฟอร์มระบบเครือข่ายต่างๆ ไว้ โดยพื้นฐานแล้วแพลตฟอร์ม NetScaler SDX ที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ระบบเสมือนของ NetScaler ได้ถึง 40 อินสแตนซ์ (40 Vitual NetScaler Instances) บนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ SDX ที่สามารถเช่าเพื่อใช้งานร่วมกันได้หลายคน โดยสามารถแยกผู้ใช้แต่ละรายให้เป็นอิสระจากกันได้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถรวบรวมการบริการที่ดีที่สุดบนเครือข่ายเลเยอร์ 4-7 ไว้บนเลเยอร์สำหรับควบคุมการทำงานของแอพพลิเคชันได้อย่างราบรื่น เพื่อผลักดันให้สามารถใช้แอพพลิเคชั่นผ่านเครือข่ายที่เชื่อมต่อการทำงานร่วมกัน รวมถึงโซลูชัน SDN ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ได้อย่างชาญฉลาด -กภ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit