กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--กสทช.
“หมอลี่” กสทช. เสียงข้างน้อยทักท้วงกรณีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กำหนดควบคุมราคาค่าบริการ 3จี เฉพาะในส่วนการโทรออก-รับสาย หรือในด้านของ voice ว่า ไม่เป็นการคุ้มครองผู้บริโภคจริง เนื่องจากหัวใจสำคัญของบริการ 3 จีคือเรื่องของการรับส่งข้อมูลหรือ data เรียกร้องเพื่อนกรรมการแสดงความจริงใจในการคุ้มครองผู้บริโภคและยึดถือสัจจะ โดยทำตามที่ให้สัญญาไว้กับสังคม รวมทั้งที่ได้รับปากกับ กมธ. ชุดต่างๆ
จากกรณีที่มีข่าวเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2555 ว่า บอร์ดกิจการโทรคมนาคม หรือ กทค. มีมติเห็นชอบแนวทางการกำกับอัตราขั้นสูงของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จีที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยจะควบคุมค่าบริการประเภทเสียง (voice) ไม่ให้เกินนาทีละ 78 สตางค์นั้น นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา หนึ่งในกรรมการ กทค. เปิดเผยว่า ในความเป็นจริงแล้ว ที่ประชุม กทค. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2555 มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวตามข้อเสนอของสำนักงาน กสทช. ซึ่งมีการเสนอในเรื่องของแนวทางและขั้นตอนการกำกับดูแลอัตราค่าบริการ โดยมีขั้นตอนสำคัญคือให้มีการหารือกับผู้ประกอบการ มีการพิจารณาต้นทุนและการศึกษาวิเคราะห์ทางวิชาการเพื่อกำหนดอัตราขั้นสูงที่เหมาะสม จากนั้นจึงกำหนดเป็นเงื่อนไขในการอนุญาต ซึ่งทั้งหมดมีกรอบระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จไม่เกินกลางเดือนธันวาคมนี้
“ในการพิจารณาเรื่องนี้ ที่ประชุม กทค. พิจารณาบนฐานข้อมูลและข้อเสนอของสำนักงาน กสทช. ซึ่งไม่ได้มีการลงลึกว่าราคาค่าบริการจะเป็นเท่าไร ผมเห็นข่าวจึงแปลกใจว่า เหตุใดประธาน กทค. จึงแถลงโดยมีการระบุราคาค่าโทรนาทีละ 78 สตางค์ และที่เป็นปัญหาอย่างยิ่งคือมีการระบุด้วยว่าจะกำหนดอัตราค่าบริการเฉพาะบริการประเภทเสียง เพราะเท่ากับเป็นการไม่รักษาสัญญาตามที่เคยประกาศเจตนารมณ์ต่อสาธารณะจำนวน 6 ประเด็น ไว้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเจตนารมณ์ประเด็นแรกนั้นบอกชัดเจนว่า จะกำกับดูแลค่าบริการ 3 จีทั้งประเภทวอยส์และดาต้าให้ลดลงไม่น้อยกว่า 15-20% ของค่าบริการปัจจุบัน นอกจากนี้ในการชี้แจงกับคณะกรรมาธิการต่างๆ ทั้งของวุฒิสภาและสภาผู้ทนราษฎรที่ตรวจสอบเรื่องการประมูล 3จี กทค. เสียงข้างมากแต่ละท่านก็เคยลั่นวาจาไว้เช่นเดียวกันว่า จะลดค่าบริการทั้งประเภทเสียงและข้อมูล”
กสทช. ประวิทย์วิจารณ์เพิ่มเติมว่า เมื่อในที่สุดมีการสรุปเรื่องการลดค่าบริการออกมาเช่นนี้ย่อมก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่เสียหายต่อ กทค. เอง และ กสทช. ในภาพรวม เนื่องจากเพียงเริ่มต้นทำตามเจตนารมณ์ข้อแรกก็ชี้ให้เห็นแล้วว่า เป้าหมายการกำกับดูแลของ กทค. ไม่ได้มุ่งคุ้มครองผู้บริโภคจริงและเสมือนไม่ตระหนักต่อสภาพปัญหาที่แท้จริงของการให้บริการโทรคมนาคมปัจจุบัน ที่ผู้บริโภคแบกรับราคาค่าบริการดาต้าในอัตราที่สูงมากและมีความหวังต่อระบบ 3จี ทั้งในเรื่องความเร็วที่เพิ่มขึ้นและค่าบริการที่ถูกลง
นายประวิทย์ให้ข้อมูลด้วยว่า ตามหลักการแล้ว หากลดค่าบริการประเภทเสียงได้ก็สามารถลดค่าบริการรับ-ส่งข้อมูลได้เช่นกัน เพราะในทางธุรกิจใช้วิธีการคำนวณค่าบริการอื่นๆ จากค่าโทรออก-รับสายแทบทั้งสิ้น เมื่อค่าบริการที่เป็นตัวตั้งต้นลดลง ค่าบริการอื่นๆ ย่อมลดลงตามได้
“ในทางวิชาการและทางเทคนิคไม่มีปัญหา สิ่งสำคัญคือ กทค. ต้องทบทวนการทำงานให้มีความจริงใจมากขึ้น ทำอย่างไรให้การประกาศเจตนารมณ์ไม่เป็นเพียงเรื่องป่าหี่หรือเป็นอย่างที่มีเสียงวิจารณ์ ว่าเป็นการยกเอาผู้บริโภคมาบังหน้าเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกตรวจสอบเท่านั้น นี่เป็นเรื่องที่ กทค. ต้องพิสูจน์ตัวเองกันต่อไป ว่าในการทำหน้าที่กำกับดูแลต่อจากนี้จะให้น้ำหนักกับการคุ้มครองผู้บริโภคจริงๆ ซึ่งผมยืนยันว่ามีหลายเรื่องที่ทำได้จากมุมการกำกับดูแลทางนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพบริการ เรื่องการลดราคาและขยายปริมาณการคงสิทธิเลขหมาย เรื่องการกำหนดค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC ให้เป็นธรรม ตลอดจนเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องเรียน ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและในส่วนของสำนักงาน กสทช.” นายประวิทย์กล่าวในที่สุด-นท-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit