กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของ บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด ที่ระดับ “AA+” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของ บริษัทที่ระดับ “AA+” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” หุ้นกู้ของบริษัทได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัทแม่ของบริษัท คือ ORIX Cor poration (ORIX) ในประเทศญี่ปุ่น โดย ORIX ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “A-” จาก Standard & Poor’s และ “Baa2” จาก Moody’s Investor Services ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือของ ORIX ซึ่งค้ำประกันหุ้นกู้แบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้
ตามเงื่อนไขข้อตกลงการค้ำประกันซึ่งบังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันเต็มจำนวนโดยไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้สำหรับหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าว โดยผู้ค้ำประกันพร้อมที่จะชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันในกรณีที่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ หากมีการควบรวมหรือการครอบงำกิจการของ ORIX บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการหรือบริษัทที่เข้าครอบงำกิจการของ ORIX จะต้องรับภาระผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วยและในกรณีที่ ORIX ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ค้ำประกัน ณ ศาลในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระคืนได้ โดยที่ภาระการค้ำประกันนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือเพิกถอนโดยปราศจากมติเอกฉันท์จากผู้ถือหุ้นกู้
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งสะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกันคือ ORIX ซึ่งได้รับอันดับเครดิตที่ระดับ “A-“ ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Standard & Poor’s และ “Baa2” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Moody’s Investor Services
ทริสเรทติ้งรายงานว่า อันดับเครดิตของ ORIX ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ได้รับแรงหนุนจากสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศญี่ปุ่น โดยจุดแข็งของ ORIX คือการกระจายตัวของธุรกิจและแหล่งเงินทุน ORIX ก่อตั้งในปี 2507 โดยความร่วมมือของสถาบันการเงินและบริษัทธุรกิจการค้ารวมจำนวน 8 แห่ง บริษัทเป็นต้นแบบในการบุกเบิกอุตสาหกรรมลีสซิ่งในประเทศญี่ปุ่น กว่า 50 ปีของการดำเนินงาน ORIX ได้กระจายธุรกิจโดยการเสนอบริการทางการเงินอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการให้บริการลีสซิ่ง โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 สินทรัพย์รวมทั้งหมดของบริษัทจำนวน 8.2 ล้านล้านเยนประกอบไปด้วยสินเชื่อผ่อนชำระ 2.8 ล้านล้านเยน ซึ่งคิดเป็น 33.9% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ตามด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าดำเนินงานจำนวน 1.4 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 16.7% และเงินลงทุนในหลักทรัพย์ 1.1 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 13.0%
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ธุรกิจของ ORIX ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจการให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ (Corporate Financial Services) ธุรกิจลีสซิ่งแบบเช่าบำรุง (Maintenance Leasing) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) ธุรกิจการลงทุนและการดำเนินงาน (Investment and Operations) ธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อย (Retail) และธุรกิจต่างประเทศ (Overseas Business) ณ สิ้นเดือนกันยนยน 2555 สินทรัพย์ของกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยคิดเป็น 32.0% ของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจทั้งหมด ตามด้วยกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 20.9% และกลุ่มธุรกิจต่างประเทศที่ 16.0% สินทรัพย์ตามกลุ่มธุรกิจของ ORIX ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 6.9 ล้านล้านเยนในรอบปีบัญชี 2552 (เมษายน 2551 - มีนาคม 2552) เหลือ 6.1 ล้านล้านเยน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 การลดลงของสินทรัพย์สะท้อนถึงความตั้งใจของ ORIX ที่จะลดขนาดสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงด้านลบของเศรษฐกิจสูง สัดส่วนสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงจาก 26.7% ของสินทรัพย์ตามกลุ่มธุรกิจทั้งหมดในรอบปีบัญชี 2552 เป็น 20.9% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 ในขณะเดียวกัน ORIX พยายามที่จะพัฒนาความสามารถในการทำกำไรจากกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง สำหรับในช่วงครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2556 กลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยให้ผลกำไรสูงสุดโดยมีอัตราส่วน 24.8% ของกำไรรวมของกลุ่มธุรกิจทั้งหมดที่ 95.2 พันล้านเยน สัดส่วนดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นจาก 13.6% ในรอบปีบัญชี 2555 ผลกำไรจากกลุ่มธุรกิจการลงทุนและการดำเนินงานก็มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 11.2% ของกำไรรวมของกลุ่มธุรกิจในรอบปีบัญชี 2555 เป็น 17.2% สำหรับช่วงครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2556 เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยและกลุ่มธุรกิจการลงทุนและการดำเนินงานมีการปรับเพิ่มขึ้นส่งผลให้สัดส่วนกำไรจากกลุ่มธุรกิจต่างประเทศลดลงเป็น 23.8% สำหรับช่วงครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2556 กลุ่มธุรกิจต่างประเทศให้ผลกำไรแก่บริษัทเป็นอัตราส่วนสูงสุดที่ 34.9% ของกำไรรวมจากทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทในรอบปีบัญชี 2555
การกระจายธุรกิจช่วยให้ ORIX สามารถหลีกเลี่ยงผลประกอบการที่ขาดทุนได้แม้ในช่วงวิกฤตทางการเงินในปี 2551 โดยในรอบปีบัญชี 2552 แม้ว่าผลประกอบการทางการเงินจะลดลงอย่างมาก แต่ ORIX ก็ยังคงมีกำไร โดยมีกำไรสุทธิที่ 20.7 พันล้านเยน ลดลงจาก 168.5 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2551 กำไรสุทธิของบริษัทฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเป็น 36.5 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2553 และ 66.0 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2554 และ 83.5 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2555 สำหรับช่วงครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิ 59.8 พันล้านเยน โดยปรับเพิ่มขึ้น 33.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของรอบปีบัญชี 2555 ORIX ดำรงนโยบายด้านสภาพคล่องที่เข้มงวดโดยการรักษาเงินสดและวงเงินกู้แบบผูกพันการให้กู้ที่สามารถใช้ได้อย่างเพียงพอต่อการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้ โดยอัตราส่วนเงินสดและวงเงินกู้ต่อหนี้สินระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้อยู่ที่ระดับ 285% ณ สิ้นครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2556 โดยใกล้เคียงกับระดับ 289% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2555 โดยอัตราส่วนปรับเพิ่มขึ้นจาก 204% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2554
ด้วยแนวโน้มที่ดีในอุตสาหกรรมลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานในประเทศไทยทำให้ ORIX มุ่งเน้นขยายธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้นโดยผ่านบริษัทลูกคือบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง บริษัทไทยโอริกซ์
ลีสซิ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศไทย บริษัทก่อตั้งในปี 2521 โดยความร่วมมือของ ORIX รวมทั้งบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลายครั้งเนื่องจากการควบรวมและการเข้าครอบงำกิจการของผู้ถือหุ้นในฝ่ายไทย ในปี 2553 ORIX ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในประเทศไทยโดยการควบรวมบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งและบริษัทที่ให้บริการเช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานคือ บริษัทโอริกซ์ ออโต้ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และเปลี่ยนเป็นนิติบุคคลที่มีการจัดตั้งขึ้นใหม่ แต่ยังคงใช้ชื่อบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งเป็นชื่อของนิติบุคคลใหม่นั้น ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 ORIX ถือหุ้น 96.6% ในบริษัท ส่วนหุ้นที่เหลือ 3.4% ถือโดยบริษัทกรุงเทพประกันภัย
บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งให้บริการใน 2 ธุรกิจหลัก คือ สินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงาน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2555 บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งมีสินทรัพย์รวม 10,316.7 ล้านบาท โดยธุรกิจสินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์คิดเป็นประมาณ 60% ของสินทรัพย์รวม บริษัทมีกำไรสุทธิ 235.4 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2555 คุณภาพสินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับตัวดีขึ้น ORIX ได้แสดงความตั้งใจในการให้การสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและด้านการเงิน ซึ่งรวมทั้งการให้ความรู้ในด้านธุรกิจ แนวปฏิบัติในการบริหารจัดการความเสี่ยงและการดำเนินงาน รวมถึงการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ การให้การค้ำประกันหนี้ทั้งหมดของบริษัทเมื่อมีความจำเป็นรวมทั้งหุ้นกู้ที่เสนอจำหน่ายในครั้งนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการให้การสนับสนุนด้านการเงินที่บริษัทได้รับในฐานะที่เป็นบริษัทลูกของ ORIX การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากบริษัทแม่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทริสเรทติ้งกล่าว
บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด (TOLC)
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TOLC154A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 คงเดิมที่ AA+
หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่) -กภ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit