กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--แสนสิริ
แสนสิริแย้มเตรียมแผนพัฒนาโปรเจคใหม่ในหัวหิน รองรับการเติบโตของเมืองหลังจุดพลุ จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ กับความสำเร็จในการพัฒนา ซิตี้ คอนโด หัวหิน 3 โครงการ
-ดึงกำลังซื้อทั้งกรุงเทพฯและหัวหิน-
แสนสิริ ย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศในพื้นที่ท่องเที่ยวหัวหิน ประกาศความสำเร็จในการสร้างเทรนด์พัฒนาซิตี้ คอนโด หลังครองตำแหน่งเจ้าตลาดคอนโดฯ ตากอากาศริมหาดหัวหินมานานกว่า 20 ปี จนสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้ถึง 50% จากซัพพลายต์รวมในปัจจุบันที่มีประมาณกว่า 5,000 ยูนิต เตรียมแผนต่อเนื่อง นำเสนอคอนโดตอบโจทย์ทุกระดับความต้องการ หลังพบ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร มั่นใจเมืองยังโตอีกมาก
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการ คอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของยอดขายโครงการในลักษณะ ซิตี้ คอนโด ใน 3 โครงการ ได้แก่ ซัมเมอร์ หัวหิน,บ้านคู่เคียง หัวหิน และบ้านคุ้นเคย หัวหิน ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทวางแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในหัวหินอย่างต่อเนื่อง โดยจะไม่ได้เน้นเฉพาะการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่ติดริมหาดเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงการพัฒนาโครงการ คอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ในย่านชุมชนเมืองด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถครองกำลังซื้อ ทั้งในส่วนลูกค้าหัวหิน และกรุงเทพฯ ที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สองหรือบ้านพักตากอากาศได้อย่างครอบคลุม รองรับอัตราจำนวนประชากรที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สำหรับคอนโดมิเนียมริมหาดหัวหินที่แสนสิริเป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนาน บริษัทมีโครงการที่ยังเปิดการขายอยู่ในปัจจุบันเพียง 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ เชโลน่า เขาเต่า ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 60%
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 20 ปี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมบนชายหาดหัวหินไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 13 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านไข่มุก , โครงการบ้านแสนสราญ หัวหิน , โครงการบ้านแสนเพลิน หัวหิน โครงการ Las Tortugas Hua-Hin, โครงการบ้านแสนดาว หัวหิน(รับพัฒนาและบริหารการขายให้พาร์ทเนอร์ธุรกิจ) โครงการบ้านแสนปลื้ม หัวหิน, โครงการบ้านนับคลื่น หัวหิน, โครงการบ้านแสนสุข หัวหิน, โครงการบ้านแสนคราม หัวหิน, โครงการบ้านคุ้นเคย หัวหิน, โครงการบ้านคู่เคียง หัวหิน, โครงการซัมเมอร์ หัวหิน และโครงการเชโลน่า เขาเต่า มียูนิตการอยู่อาศัยรวม 2,425 ยูนิต มูลค่าโครงการขายรวมเกือบ 25,000 ล้านบาท โดยโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศทุกแห่งของแสนสิรินั้น ล้วนเป็นโครงการที่มีความสวยงามในด้านการออกแบบสถาปัตยกรรม การจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในที่เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตในวันพักผ่อนได้อย่างลงตัว มีการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ตลอดจนมีการดูแลบำรุงรักษาตัวอาคารและสภาพแวดล้อมภายในโครงการเป็นอย่างดี ทำให้ทุกยูนิตในโครงการคอนโดมิเนียมที่แสนสิริพัฒนาขึ้นนั้น ล้วนมีมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่วันที่เปิดตัวการขายทั้งสิ้น ซึ่งถือเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้โครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศของแสนสิริมีความแตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง” นายอุทัย กล่าว
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้แสนสิริประสบความสำเร็จในการขายทุกโครงการยังมาจากมุมมองภาพรวมด้านความเจริญเติบโตของหัวเมืองท่องเที่ยวหัวหิน ที่นับว่ามีอัตราการขยายตัวของเมืองอย่างเร็ว โดยปัจจัยหนุนจากรายได้จากการท่องเที่ยว ที่ภาครัฐสามารถนำมาพัฒนาระบบสาธารณูปโภคท้องถิ่น ได้ดีขึ้นรองรับการเจริญเติบโตของเมืองที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยภาพรวมของหัวหินในอีก 1-2 ปีข้างหน้านั้น คาดว่าจะสามารถพัฒนา สู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สามารถสร้างอาชีพและดึงคนจากกรุงเทพฯมาพักอาศัยในหัวหิน และเกิดการพัฒนาได้อีกในหลากหลายส่วน ดังนั้นความต้องการที่อยู่อาศัยจึงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ โดยสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยัน คือการทยอยเปิดตัวของห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของเมืองไทย และความสำเร็จของโมเดิร์นเทรดที่เข้ามาชิมลางตลาดก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
“สำหรับแสนสิริ เรามองการขยายตลาดทุกระดับราคา โดยเชื่อว่า หัวหินในอนาคตจะมีแนวทางการเติบโตที่ใกล้เคียงกับพัทยา ที่มีอสังหาริมทรัพย์ในทุกระดับราคา และยิ่งทวีความนิยมมากขึ้นอีก เพราะคอนโดมิเนียมจะดูแลรักษาง่ายกว่า มีความปลอดภัยที่สูงกว่า และกำลังซื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ในกลุ่มตลาดคนไทย นอกจากนี้ หลังจากนี้เป็นต้นไปแสนสิริจะไม่เพียงพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในหัวหินเท่านั้น แต่ยังมองถึงศักยภาพการพัฒนาโครงการในจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่อื่นๆ อาทิ ภูเก็ต เขาใหญ่ พัทยา เชียงใหม่ ขอนแก่น และโคราช เป็นต้นเพื่อให้กลุ่มลูกค้าทั่วประเทศสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของแสนสิริได้ง่ายขึ้น” นายอุทัย กล่าว -กภ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit