กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--สมิติเวช ศรีนครินทร์
หลังจากแต่งงานมีครอบครัว คู่สามีภรรยามักอยากมีบุตรเพื่อเติมเต็มความเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ถ้าไม่เกิดภาวะผิดปกติใดๆ และมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอเฉลี่ย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หากไม่มีการคุมกำเนิดภรรยาจะตั้งครรภ์เองตามธรรมชาติภายใน 1-1ปีครึ่ง แต่ถ้าหนึ่งปีผ่านไปยังไม่มีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์ หลายคู่มักเกิดความเครียด เพราะฉะนั้นถ้าเกิดกรณีขึ้นกับคู่สามีภรรยาที่ต่างฝ่ายต่างมิได้เป็นหมัน และทั้งคู่คิดว่าพร้อมแล้วสำหรับการมีบุตร แพทย์ตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะอยู่ในข่ายการมีบุตรยาก เมื่อเกิดความวิตกกังวลว่าไม่สามารถมีทายาทสืบสกุลได้ ภาวะความกดดันจากต่างๆ มักจะเกิดขึ้นตามมา กระทั่งกลายเป็นสาเหตุหนึ่งของความไม่เข้าใจซึ่งกันและกันและครอบครัวล่มสลายในที่สุด
ส่วนอะไรจะเป็นสาเหตุที่แท้จริงของการมีบุตรยาก นายแพทย์มฆวัน ธนะนันท์กูล แพทย์หัวหน้าศูนย์ผู้มีบุตรยาก และสูตินารีแพทย์ดูแลหญิงตั้งครรภ์อาการแทรกซ้อน( High Risk Pregnancy) ผ่าตัดด้วยกล้องลาปาโรสโคป และรักษาผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ มีคำตอบที่ดีที่สุดให้กับคู่สามีภรรยาที่มีบุตรยากหรือกำลังสงสัยว่าตัวเองกำลังอยู่ในข่าย
“ แม้จะยังไม่มีสิ่งยืนยันที่แน่ชัดว่าสาเหตุที่แท้จริงของการมีบุตรยากคือะไร แต่แพทย์ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า ความเครียด อาการปวดท้องอย่างรุนแรงเมื่อมีรอบเดือน เจ็บในท้องขณะมีเพศสัมพันธ์ อายุเริ่มมาก หรือการมีเยื่อบุโพรงมดลูกโตผิดที่ (ช็อคโกแลต ชีส) เหล่านี้คือปัจจัยที่ทำให้ผูหญิงมีบุตรยากหรือไม่สามารถมีบุตรได้เลยตลอดชีวิต”
คุณหมอเกริ่นให้ฟังถึงสาเหตุ ก่อนที่จะอธิบายลึกลงไปในรายละเอียดอีกว่า “ เมื่อเราทราบถึงสาเหตุเบื้องต้น และแพทย์ได้ช่วยรักษาอาการเหล่านั้นแล้วแต่คนไข้ก็ยังไม่ตั้งท้อง แสดงว่ายังมีรายละเอียดบางอย่างที่คู่สามีภรรยาไม่กล้าเปิดเผยให้คุณหมอทราบ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาบางคู่ไม่จำเป็นต้องทำกิ๊ฟ เพียงคุณหมอแนะนำให้ปรับพฤติกรรมบางอย่างให้ตรงกัน คนไข้ก็สามารถตั้งครรภ์ได้เองตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นโอกาสของการประสบความสำเร็จ จนเกิดการตั้งครรภ์กระทั่งคลอด และคุณแม่อุ้มลูกกลับบ้านอย่างมีความสุขจึงไม่ใช่เรื่องง่าย คนไข้ต้องไม่มีอะไรปิดบัง และเชื่อมั่นในความสามารถของคุณหมอและโรงพยาบาล โอกาสที่จะประสบความสำเร็จจึงสูง”
กรณีเรื่องความเครียด คุณหมอยังบอกว่า ณ เวลานี้ชัดเจนมากที่สุด จากสถิต 10 ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มว่าผู้หญิงไทยตั้งครรภ์ยากมากยิ่งขึ้นเพราะเกิดความเครียด อาจจะด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยก่อนอาชีพของผู้หญิงคือคุณแม่อยู่แต่ในบ้าน ต่างกับปัจจุบันผู้หญิงมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบทัดเทียมกับผู้ชาย ที่ผ่านมาถ้าไม่ครองตัวเป็นโสดก็แต่งงานเมื่ออายุมาก เป็นผลให้มีบุตรยากเพราะผ่านพ้นช่วงวัยเจริญพันธุ์ไปแล้ว
“ ตอนนี้คนไข้ที่มาหาผมอายุมากที่สุดคือ 46 ปี ป่วยเป็นโรคไตด้วย แต่เธออยากมีลูกมากเรา จึงต้องใช้วิธีอุ้มบุญ เพราะผู้หญิงที่เป็นโรคไตไม่ควรตั้งครรภ์อย่างเด็ดขาด แต่โดยเฉลี่ยแล้วคนไข้ที่เดินเข้ามาหาหมออายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35 ปีบวกลบ ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนผู้หญิงกลุ่มนี้ไม่ควรจะตั้งครรภ์แล้วเพราะเสี่ยงต่อการที่ลูกจะเป็นดาวซินโดรม เพราะแพทย์เองก็ต้องการตัวเลขที่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเราถือเอาความสุขของคนไข้เป็นศูนย์กลาง โดยส่วนตัวผมว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะตราบใดที่ผู้หญิงยังมีไข่ตกและมีมดลูกอยู่ผมว่าเธอยังมีโอกาส อายุไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ”
คุณหมอมฆวันย้ำว่าอายุไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ ในทางกลับกันการตั้งครรภ์ครั้งแรกเมื่อสูงวัยด้วยวิธีการทำกิ๊ฟน่าจะยิ่งทำให้ว่าที่คุณแม่ปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อทะนุถนอมชีวิตอันมีค่านั้นไว้และเฝ้ารอวันที่ชีวิตน้อยๆจะลืมตาดูโลกอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเป็นการปฏิสนธิที่ยากลำบาก และใช่ว่าทุกเคสจะประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่แพงลิบลิ่ว
“ ถ้าเราพูดถึงเคสของการประสบความสำเร็จ 14-16 วันหลังจากการทำ ART (Assisted Reproductive Technology) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ก็สามารถบอกได้ว่าท้องหรือไม่อยู่ที่ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าท้องจนกระทั่งคลอดและอุ้มลูกกลับบ้าน 10-30 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขนี้ได้จากศูนย์ที่มีความพร้อมทุกด้านเท่านั้น ส่วนก่อนตัดสินใจมาทำกิ๊ฟความพร้อมอย่างเดียวไม่พอ ต้องถามตัวเองดังๆ ว่ามีเวลาเพียงพอหรือไม่ เพราะการนัดหมายเพื่อฉีดยากระตุ้นไข่ถี่มาก เวลาคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความล้มเหลว เพราะเด็กเป็นเซลล์เพียงเซลล์เดียวซึ่งมีขนาดเล็กมาก มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเพราะฉะนั้นโอกาสติดเชื้อจึงสูงมาก ห้องแล็ปจึงต้องสะอาดและมีประสิทธิภาพ ปลอดเชื้อโดยสิ้นเชิง รวมทั้งระบบเรื่องการารักษาความปลอดภัยต้องสำคัญสุดเพราะการเก็บรักษาสเปิร์มต้องตรงกับของคนไข้ มิฉะนั้นจะเกิดความผิดพลาดในการทำกิ๊ฟ”
เมื่อถามถึงเรื่องค่าใช้จ่ายคุณหมอชี้แจงว่า “ กระบวนการทำกิ๊ฟถ้าไปทำในโรงพยาบาลของรัฐค่าใช้จ่ายก็สูงเช่นกัน เพราะยาที่ใช้ฉีดกระตุ้นไข่มีราคาแพงมาก เมื่อค่าใช้จ่ายสูงทีมแพทย์ของสมิตเวชจึงพยายามดูแลคนไข้ให้ดีที่สุด โดยเน้นให้บริการแบบ One Stop Service เพราะเรามีโรงพยาบาลเด็กและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกสาขาที่สามารถให้การดูแลเคสที่มีความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างครอบครัวและ “การเปิดศูนย์ผู้มีบุตรยาก” อย่างเป็นทางการโรงพยาบาลจึงขอถือโอกาสนี้มอบส่วนลดพิเศษเป็นของขวัญให้กับคู่สมรสที่มาใช้บริการของศูนย์ไปจนถึงปลายปี โดยศูนย์ฯของเราจะขยายเวลาเปิดเพิ่มขึ้นอีกเป็น 17.00-20.00 น. ของทุกวัน จากเดิมที่เคยเปิด 8.00-17.00 น.”
สุดท้ายแล้วคุณหมอยังมีคำแนะนำดีๆ สำหรับการเตรียมพร้อมก่อนมีบุตรด้วยว่า ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม ดูแลเรื่องน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กำจัดความเครียดทุกๆ ด้าน รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ตรวจเลือด ฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมันก่อนและคุมกำเนิดไว้ 3 เดือนก่อนปล่อยให้ตั้งครรภ์ จดรอบการมีประจำเดือน ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง ฯลฯ ปฏิบัติเช่นนี้แล้ว 1 ปีผ่านไปหากยังไม่ตั้งครรภ์ก็ไม่ต้องวิตกกังวล ให้รีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คนไข้จะได้รับคำปรึกษาที่ถูกต้อง และว่องไวในการค้นหาสาเหตุ หรือหาตัวช่วยทำให้เกิดการตั้งครรภ์ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปเพราะคนไข้จะเสียโอกาส และเป็นหมันในที่สุด แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าการสูญเสียโอกาสในการทำหน้าที่ “คลอดบุตรและเป็นคุณแม่” ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตและมีเพียงเพศหญิงเท่านั้นที่ทำได้
-กผ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit