กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--สมาคมกุ้งไทย
ผลกระทบจีเอสพียุโรปสะเทือนอุตสาหกรรมกุ้งไทย วอนภาครัฐเร่งหาแนวทาง หวั่นกระทบผู้เลี้ยงและผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบกว่า 2 ล้านคน
นายสมศักดิ์ ปณีตัธยาศัย นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การส่งออกกุ้งของประเทศไทยในช่วง 4 เดือนแรก ปี 2555 (มกราคม-เมษายน) มี ปริมาณรวม 92,862 ตัน คิดเป็นมูลค่า 26,514 ล้านบาท ซึ่งลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า ที่ร้อยละ 10.31 และ 3.18 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปี 2554 ที่มีปริมาณ 103,533 ตัน และมูลค่า 27,385 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าลดลงของตลาดสหรัฐอเมริกาที่ลดลงกว่าร้อยละ 20 (ดัง ตาราง)
การส่งออกกุ้งของไทย เดือนมกราคม-เมษายน 2555
ประเทศ / กลุ่มประเทศ ม.ค.-เมย.55
ม.ค.-เมย.54
%แตกต่าง
ปริมาณ
มูลค่า
ปริมาณ
มูลค่า
ปริมาณ
มูลค่า
เอเชีย
33,921
9,563 31,164
8,308 8.85
15.11
สหรัฐอเมริกา
33,291
9,624 44,315
11,981 -24.88 -19.67
อียู
15,212
4,294 16,792
4,168 -9.41
3.02
ออสเตรเลีย
2,794
814
2,188
564
27.70
44.33
อื่นๆ
7,644
2,219 9,074
2,364 -15.76 -6.13
รวม
92,862
26,514 103,533
27,385 -10.31 -3.18
ที่มา : กรมศุลกากร
นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าวว่า ทิศทางของอุตสาหกรรมกุ้งไทย นับจากนี้ถือว่า น่าเป็นห่วงอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประกาศ ปรับเปลี่ยนเกณฑ์การให้สิทธิพิเศษทางศุลกากร (จีเอสพี) ตามที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอียูเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสินค้ากุ้งก็เป็น 1 ใน 57 สินค้า ไทยที่ถูกตัดจีเอสพีระบบใหม่ เนื่องจากในอัตราภาษีใหม่ กุ้งดิบจะต้องเสียภาษีในอัตราเต็มที่ร้อยละ 12 จากที่ปัจจุบันเสียภาษีในอัตราร้อยละ 4.2 สำหรับสินค้ากุ้งสุก และกุ้งปรุงแต่ง จะต้องเสียภาษีในอัตราเต็มที่ร้อยละ 20 จากปัจจุบันเสียภาษีที่ร้อยละ 7 จากอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าว กระโดดนี้ จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกอย่างแน่นอน ขณะที่ประเทศคู่แข่งที่สำคัญ อย่างมาเลเซีย ก็ทำเอฟทีเอกับอียูแล้ว ส่วนเวียดนาม อินเดีย จีน อินโดนีเซีย แม้จะยังไม่ได้ทำเอฟทีเอ แต่ก็มีอัตราภาษีที่ได้เปรียบกว่าไทย
“ขอฝากถึงภาครัฐ ให้ดำเนินการหาแนวทางช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในทุกวิถีทาง เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันได้ เพราะการใช้อัตราภาษีใหม่นี้ มี โอกาสจะทำให้การส่งออกกุ้งของไทยไปตลาดอียูที่ปัจจุบันมีประมาณร้อยละ 20-25 ของการส่งออกทั้งหมด จะเหลือไม่ถึงร้อยละ 5 จึงอยากขอให้รัฐบาลเร่ง ช่วยเจรจาเรื่องจีเอสพี ไม่ให้ไทยถูกเรียกเก็บในอัตราที่สูงสุดอยู่เพียงประเทศเดียว หรือดำเนินการเจรจาด้านเอฟทีเอกับอียูโดยเร็ว ก่อนที่จะเกิดผล ร้ายแรงต่อความอยู่รอดของอุตสาหกรรมกุ้งไทย ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งและผู้เกี่ยวข้องในระบบกว่า 2 ล้านคนด้วย ” นาย สมศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ เหตุการณ์ในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้ว เหมือนเช่นเมื่อปี 1997 ที่ไทยเป็นประเทศเดียวที่ถูกตัดสิทธิจีเอสพี และเหตุการณ์ ครั้งนั้น ได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยต้องเสียตลาดส่งออกกุ้งที่มีอยู่ให้กับประเทศคู่แข่ง โดยการส่งออกกุ้งในช่วงดังกล่าวลดฮวบเหลือแค่ไม่กี่ร้อย ตัน จากที่เคยมีส่วนแบ่งตลาดปริมาณ 30,000 ตัน -นท-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit