กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--สามารถคอร์ปอเรชั่น
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยถึงผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มบริษัทสามารถในไตรมาส 1 ปี 2555 ด้วยรายได้รวมทั้งสิ้น 4,319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นกำไรสุทธิ 268 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันถึง 65 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นสัญญาณที่ดีและตอกย้ำความมั่นใจในการสร้างผลกำไรทะลุพันล้านบาทตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในสิ้นปีนี้
ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 55 โดยแยกตามสายธุรกิจของกลุ่มสามารถ ได้ ดังนี้
สาย ICT Solutions นำโดย บมจ.สามารถเทลคอม มีรายได้ไตรมาส 1 ปี 55 รวม 2,057 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 65 เปอร์เซ็นต์ มีกำไรสุทธิ 151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นผลจากการรับรู้รายได้จากงานโครงการต่างๆ ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมา กลุ่มสามารถเทลคอมประมูลงานได้รวมมูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท เกือบทั้งหมดเป็นโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งมีโอกาสต่อยอดทางธุรกิจได้ในอนาคต ได้แก่ โครงการ TOT 3G /School Net /AOT CUTE/ AMR Phase II ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 55 มีโครงการที่ประมูลได้เพิ่มเติมทั้งที่เป็นโครงการต่อเนื่องและโครงการใหม่ มูลค่ารวม 588 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันสามารถเทลคอมมีโครงการในมือแล้ว 8,772 ล้านบาท นับเป็นสายธุรกิจที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มสามารถในปัจจุบัน โดยในปีนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์และมีรายได้ประจำเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้วยการรุกตลาดบริการด้าน ICT Outsourcing ที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดได้มีแผนในการเข้าซื้อกิจการบมจ.พอร์ทัลเน็ท ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสำหรับธุรกิจหลัก (ERP) แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยคาดว่าจะมีรายได้ประจำจากค่าเช่ารายเดือนๆ ละกว่า 50 ล้านบาท รวม 5 ปี ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีโอกาสในการได้ต่อสัญญาอีก 3 ปีและโอกาสในการให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบหลักดังกล่าวอีกด้วย สำหรับงานโครงการใหม่ที่บริษัทฯให้ความสำคัญและคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 2 และ 3 ประกอบด้วย โครงการระบบตรวจสอบผู้โดยสารระหว่างประเทศ APPS มูลค่า 6,000 ล้านบาท และโครงการขยายเครือข่าย 3จี เฟสใหม่ของทีโอที มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เป็นต้น
สายธุรกิจ Mobile Multi-media นำโดย บมจ.สามารถไอ-โมบาย มีรายได้รวม 1,599 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 54 พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทั้งรายได้และกำไร สาเหตุหลักมาจากยอดขายโทรศัพท์ Smart Phoneและราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน บวกกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของธุรกิจคอนเทนต์ ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะเติบโตถึง 20 เปอร์เซ็นต์ โดยล่าสุดหลังการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Traffic Police ที่ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสภาพการจราจรได้แบบ Real time ไปเมื่อเดือนก.พที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดการดาวน์โหลดแล้วกว่า 100,000 ครั้ง คาดว่าจะทะลุ 200,000 ครั้งในสิ้นปี นอกจากนี้ เพื่อสร้างแหล่งรายได้ประจำในอนาคตเพิ่มขึ้น บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจสำนักพิมพ์ เตรียมเปิดให้บริการร้านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ในเร็วๆ นี้ ส่วน i-Mobile 3GX ซึ่งเป็นผู้นำด้าน MVNO ในปัจจุบัน มีแผนการสร้างรายได้เพิ่มจากบริการ International Roaming และเตรียมความพร้อมที่จะเปิดให้บริการ Full MVNO เต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 2 คาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้บริการถึง1 ล้านรายในสิ้นปี 55 ในส่วนของธุรกิจมือถือ บริษัทฯ ก็ยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถพลิกฟื้นรายได้และกำไรกลับมาเป็นบวกได้สำเร็จในช่วงเวลาที่เหลือของปี ด้วยการเปิดตัวมือถือไลฟ์สไตล์โฟนและ Smart Phone เพื่อรองรับ 3G Social Network ที่กำลังมาแรง คาดว่าจะมียอดขายในปี 55 รวม 3.5 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์
สายธุรกิจ Related Businesses โดยบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด ในไตรมาสแรกของปี ได้มีการเซ็นสัญญาให้บริการแก่สายการบินบางกอกแอร์เวย์เป็นระยะเวลา 3 ปี อีกทั้งยังมีงานที่อยู่ในระหว่างการเจรจาอีกหลายโครงการ คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเท่าตัวในปีนี้ ส่วนบริษัท วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม จำกัด ที่มุ่งเน้นการให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจรแก่องค์กรขนาดใหญ่ มีแผนในการเข้าประมูลโครงการต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะประสบความสำเร็จไม่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์และมีรายได้ทั้งปีเพิ่มขึ้นเท่าตัวเช่นกัน
สายธุรกิจ Utility Services โดยบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิสเซส จำกัด (CATS) ผู้ให้บริการศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชา มีรายได้เพิ่มราว 20 เปอร์เซ็นต์ตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ยังมีรายได้ประจำจากบริษัท Kampot Power Plant จำกัด ผู้ผลิตไฟฟ้าป้อนแก่โรงงานปูนซิเมนต์ไทยที่ประเทศกัมพูชา อีกราวไตรมาสละ 50 ล้านบาท จึงเป็นสายธุรกิจที่สำคัญในการสร้างรายได้ประจำให้แก่กลุ่มสามารถทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยบริษัทฯ กำลังศึกษาโอกาสในการขยายธุรกิจทางด้านการจราจรทางอากาศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า และลาว เป็นต้น
นายวัฒน์ชัย กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจจากนี้ไปว่า “บริษัทฯ เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง ตลอดจนภัยธรรมชาติที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ โดยจุดมุ่งเน้นของบริษัทฯ คงอยู่ที่การเพิ่มแหล่งรายได้ประจำและสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสังคมภายใต้แนวคิด การสร้างคนคุณภาพและสังคมคุณธรรม”
“กลุ่มบริษัทสามารถ” มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างครบวงจร ภายใต้บริษัทในเครือกว่า 20 บริษัท และมี 3 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน)-กภ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit