เซสปรีกีวี สนับสนุนสุขภาพคนทำงาน รับประทานอาหารอย่างถูกวิธี สวนกระแสวิถีชีวิตที่เร่งรีบ

12 Jun 2012

กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--เกรลิ่ง

เชื่อว่าไม่ว่าใครๆ ก็ตาม ย่อมเห็นความสำคัญของการรับประทานอาหาร บางคนรับประทานเพราะความหลงใหลในรสชาติ ความชอบ หรือแม้แต่เพื่อสุขภาพ หรือเพียงเพื่อการดำรงชีวิต อาหารจึงถือเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่สำคัญของชีวิตคนเรา นอกจากนี้อาหารยังสามารถส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย หรือสามารถช่วยป้องกันรักษาโรคบางชนิดได้อีกด้วย ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารที่ถูกต้องจึงถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

บริษัท เซสปรี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ส่งออกและบริหารจัดการตลาดผลกีวีที่ใหญ่ที่สุดในตลาดโลก ภายใต้แบรนด์ “เซสปรีกีวี” ผลไม้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าสารอาหารติดอันดับโลก มีความปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมรณรงค์ และสนับสนุนสุขภาพของคนไทย ด้วยการสร้างความรู้และความเข้าใจต่อการรับประทานอย่างถูกวิธี และถูกหลักโภชนาการ

คุณช่อทิพย์ ประมูลผล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด (ประเทศไทย) บริษัท เซสปรี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “เซสปรีเชื่อในความสำคัญของการเลือกรับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ เพราะวิถีการรับประทานอาหารและการประกอบอาหารต่างๆ อาจส่งผลต่อภาวะทางสุขภาพที่แตกต่างกันไป เซสปรีในฐานะผู้บริหารจัดการตลาดผลกีวี ชั้นนำของโลกให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการเพาะปลูก การบริหารจัดการ การเก็บเกี่ยว ตลอดจนกระบวนการซัพพลายเชนที่คัดสรรมาอย่างดีเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีเลิศแก่ผู้บริโภค นอกจากนี้เซสปรียังมีการจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ทางโภชนาการแก่สังคมอย่างต่อเนื่อง”

“จากเหตุผลดังกล่าว เซสปรีจึงได้ร่วมกับนักกำหนดอาหารชื่อดัง ในโรงพยาบาลที่สหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาด้านโภชนาการโรงพยาบาลเทพธารินทร์ อย่าง อาจารกฤษฎี โพธิทัต มาร่วมให้คำแนะนำ สร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อให้คนในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะหนุ่มสาวคนวัยทำงานซึ่งต้องใช้ชีวิตอยู่ในภาวะอันรีบเร่ง ให้สามารถเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม”

อาจารย์ กฤษฎี โพธิทัต นักกำหนดอาหาร ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “คนในยุคปัจจุบัน มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ทั้งการทำงานตลอดช่วงเวลาอันยาวนาน การเลือกรับประทานอาหารมักเป็นสิ่งที่ “ง่ายๆ” เพราะต้องอาศัยการซื้ออาหารรับประทานจากนอกบ้านซะเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้ทันกับช่วงเวลาอันเร่งด่วน โดยเฉพาะพนักงานบริษัท คนทำงานออฟฟิศ ที่ต้องรีบลงมาพักรับประทานอาหารกลางวัน แล้วจะต้องรีบกลับไปทำงานต่อในชั่วโมงถัดไป คนทั่วไปจึงเลือกรับประทานอาหารที่หาซื้อได้ในบริเวณโดยรอบ อีกทั้งยังกินง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ที่เราคงคุ้นเคยกันดี ก็ได้แก่ ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว ข้าวหมูแดง ข้าวผัด บะหมี่หมูแดงแห้ง เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว ข้าวมันไก่ หรือแม้แต่เบอร์เกอร์ไก่ ฯลฯ”

“อาหารข้างต้นที่กล่าวมา ล้วนแต่เป็นอาหารที่เราทานกันอยู่บ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ถ้าปราศจากการดูแลเอาใจใส่ การทานอาหารง่ายๆ ที่ว่านี้ เป็นประจำ อาจจะทำให้เกิดการขาดสารอาหารต่างๆ ที่สำคัญ จนนำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้อย่างง่ายๆ เพราะอาหารจานด่วนเหล่านี้มักจะประกอบไปด้วย ไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แต่มักจะขาดในเรื่องของวิตามิน ไฟเบอร์ และสารอาหารอื่นๆ ที่ร่างกายจำเป็นในแต่ละวันด้วย สารอาหารที่สำคัญ ได้แก่ สารอาหารที่ได้จากผักและผลไม้นั่นเอง ลองนึกย้อนไปสัปดาห์ที่ผ่านมา มีสักกี่วันที่คุณรับประทานผักได้วันละ ทัพพี และผลไม้ได้วันละ 3 ส่วนบ้าง”

นอกจากนี้ อาหารจานด่วนบางชนิดมักจะเป็นอาหารที่มันจัดมากๆ หรือไขมันสูง ซึ่งการรับประทานเข้าไปมากๆ จะเกิดการลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งไขมันไม่ดีที่ว่านี่ ก็เช่น ไขมันทรานส์เพิ่มการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งการอักเสบที่เกิดขึ้นนี้มีส่วนทำให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันตายด้วย นอกจากนี้การรับประทานอาหารหวานมากๆ ก็จะลดประสิทธิภาพการทำงานของภูมิคุ้มกันด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เราจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่หวานจัดหรือมันจัด และหันมารับประทานอาหารจำพวกผักหรือผลไม้มากขึ้นโดยเฉพาะผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลและไขมันต่ำ

ที่สำคัญการไม่รับประทานผักและผลไม้ อาจจะก่อให้เกิดอาการท้องผูกและอาการทางระบบทางเดินอาหาร ที่ทำให้เกิดอาการแน่นท้อง อึดอัด ไม่สบายตัว ปวดศีรษะและหงุดหงิด ที่จะส่งผลต่อการทำงานหรือทำให้พลาดกิจกรรมต่างๆ ได้ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือการดื่มน้ำให้มาก ตลอดจนเพิ่มเส้นใยอาหาร ด้วยการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อเป็นตัวเพิ่มกากและช่วยขับของเสียออกจากร่างกายเร็วขึ้น ตลอดจนเป็นตัวช่วยดูดซึมน้ำ

ดังนั้นสิ่งที่เราควรปฏิบัติตามในกรณีที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาหารจานด่วนเหล่านี้ได้ นั่นคือการเลือกทานเมนูอาหารอื่นเป็นจานเสริม เพื่อเพิ่มเติมคุณค่าทางโภชนาการที่ร่างกายต้องการ เป็นต้นว่า โดยปกติเวลาเรารับประทานข้าวหมูแดง เราก็อาจจะทานคู่กับน้ำซุป 1 ถ้วย แล้วต่อด้วยขนมหวานๆ ต่างๆ เช่น ขนมชั้น 1-2 ชิ้น แถมตบท้ายด้วยชานมเย็นแก้วโตๆ อีกหนึ่งแก้ว ซึ่งจากรายการอาหารที่กล่าวมานี้ จะให้ปริมาณแคลอรี่ถึง 873 กิโลแคลอรี่ อีกทั้งยังให้ไขมันถึง 24 กรัม แต่กลับให้คุณค่าไฟเบอร์ เพียง 1 กรัม โดยที่ไม่ให้วิตามินซีเลย แต่ถ้าหากเรามีความจำเป็นต้องรับประทาน สิ่งที่เราควรจะเลือกมาทานคู่กัน เช่น เปลี่ยนจากการทานน้ำซุปเป็นแกงจืดผักกาดขาว และการทานอาหารว่างเช่นข้าวโพดต้มแทนขนมหวาน นอกจากนี้หลีกเลี่ยงการดื่มชานมเย็น หันมาทานผลไม้สด อย่างผลกีวี หรือน้ำกีวีปั่น ที่มีไขมันและดัชนีน้ำตาลต่ำ แต่ให้ไฟเบอร์ ตลอดจนวิตามินซี วิตามินอี และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย อาทิ โฟเลต โปแทสเซียม ลูทิน ซีแซนทิน ในปริมาณที่สูงอีกด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถลดปริมาณแคลอรี่เหลือเพียง 697 กิโลแคลอรี่ และมีปริมาณไขมันเพียง 15 กรัม แต่กลับให้ไฟเบอร์ถึง 9 กรัม และวิตามินซีสูงถึง 196 มิลลิกรัม”

ทำไม การรับประทานผัก และ ผลไม้ ถึงมีความสำคัญ?

“ทุกคนทราบดีว่า ผัก ผลไม้ นั้นมีประโยชน์ มากด้วยสารอาหารและสารพฤกษเคมี วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สารอนุมูลอิสระเกิดขึ้นตลอดเวลาในร่างกายคนเรา ซึ่งจะไปทำลายเซลล์และโปรตีนในเซลล์ นำไปสู่ริ้วร้อยบนผิวหนัง โรคหัวใจ โรคมะเร็งและโรคอื่นๆ ที่สารต้านอนุมูลอิสระเป็นต้นเหตุ ผักและผลไม้ยังมากด้วยเส้นใยอาหารที่เป็นตัวดีท็อกซ์ตามธรรมชาติ และช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี”

ยกตัวอย่างผลไม้ที่มีคุณค่าอย่างมาก ก็เช่น ผลกีวี ซึ่งอุดมไปด้วยสารพฤกษเคมีจำนวนมาก รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ อีกกว่ายี่สิบชนิด จนทำให้กีวี ได้รับการจัดอันดับอยู่ในซูเปอร์ฟู้ดส (SuperFoods) ระดับโลก โดยในด้านคุณค่าทางโภชนาการ กีวีสีเขียว 2 ผล จะให้ปริมาณวิตามินซีสูงถึงร้อยละ 240 ของปริมาณวิตามินที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน หรือจะเทียบกันง่ายๆ คือให้วิตามินซีมากกว่า ส้ม ซึ่งจัดว่าเป็นแหล่งที่ดีเยี่ยมของวิตามินซี ถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังมีโปตัสเซียมมากเท่ากับกล้วย และมีไฟเบอร์มากกว่ามะละกอหนึ่งเท่าครึ่ง (เมื่อเทียบปริมาณสารอาหารจากเนื้อกีวี 100 กรัม ต่อเนื้อผลไม้ข้างต้นในปริมาณเท่ากัน) ซึ่งไฟเบอร์นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่ายโดยการลดสารพิษออกจากลำไส้ใหญ่ เป็นการป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลดระดับคอเลสเตอรอลจึงอาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหัวใจวาย ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เป็นโรคเบาหวาน

ที่สำคัญ กีวีเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำและยังมีมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำเมื่อเทียบกับผลไม้ประเภทอื่นๆ จึงช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจและเบาหวาน และเป็นกุญแจสำคัญในการลดน้ำหนักตัว ซึ่งเหมาะสำหรับการรับประทานคู่กับอาหารหลัก หรือรับประทานเป็นอาหารว่างรองท้องในระหว่างวันสำหรับคนทำงานอย่างเราๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

นอกจากที่เราจะต้องเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ มีผัก และผลไม้ตามสัดส่วนที่พอเหมาะแล้ว ยังมีสิ่งที่ควรทำเป็นนิสัย ทำอยู่เป็นประจำในการเลือกรับประทานอาหาร นั่นก็คือ

  • สั่งผักเพิ่ม เช่น ในก๋วยเตี๋ยว หรือผัดผักแขนงกินกับข้าวต้ม
  • แต่ละมื้อให้กินผัก 2 ทัพพี ถ้าจะสั่งอาหารจานเดียว เช่นข้าวหมูแดงที่ไม่มีผัก คุณอาจจะสั่งผักคะน้าลวกมาเพิ่ม หรืออาจจะเป็นเกาเหลาหรือแกงจืดก็ได้
  • รับประทานผลไม้ ที่มีคุณค่า มีวิตามิน มีกากใย ให้ปริมาณน้ำตาลและไขมันต่ำ เป็นของว่าง หรือของหวานตบท้ายมื้ออาหาร
  • เปลี่ยนมารับประทานผักเป็นของว่างบ้าง เช่น มะเขือเทศเชอร์รี่จิ้มบ๊วย แตงกวาสด แครอทสด หรือผักต้มจิ้มน้ำพริก
  • พกผลไม้ (ที่พกง่าย) ติดตัวไปเผื่อหิว เช่น กีวี
  • เลือกผักที่มีสีเข้ม สีต่างๆ กันให้ได้หลากหลายในแต่ละวัน เช่น เปลี่ยนจากถั่วงอกมาเป็นตำลึง ตำส้มตำใส่ แครอทขูด เปลี่ยนจากซีซาร์สลัดมาเป็นสลัดผักโขม หรือ สลัดร็อกเกตใส่มะเขือเทศ เป็นต้น

“นอกจากนี้ หากคุณเกิดอาหารหิวระหว่างมื้ออาหาร คุณก็สามารถจะหาอาหารมารับประทานได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงของหวาน หรืออาหารประเภทแป้ง และหันมาทานผลไม้ที่มีระดับไขมันและน้ำตาลต่ำแทน ซึ่งผลไม้เหล่านี้จะช่วยให้อิ่มท้องและไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านน้ำหนักตามมาในภายหลัง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มวิตามิน สารอาหารและ แร่ธาตุต่างๆ ให้แก่ร่างกายอย่างครบถ้วนอีกด้วย ” อาจารย์ กฤษฎี กล่าวทิ้งท้าย

** ข้อมูลอ้างอิงจาก หนังสือ “กินดี ได้สุขภาพดี” โดย “แพ๊ต” กฤษฎี โพธิทัต สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์

เกี่ยวกับ บริษัท เซสปรี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

บริษัท เซสปรี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นบริษัทสัญชาตินิวซีแลนด์ซึ่งทำตลาดผลกีวีภายใต้แบรนด์ ‘เซสปรี’ ในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก แบรนด์ของ ‘เซสปรี’ เป็นที่ยอมรับทั่วโลกในด้านมาตรฐานของผลผลิตจากธรรมชาติที่มีคุณภาพเป็นเลิศและรสชาติที่ดี เซสปรีมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ และมีสำนักงานสาขาอยู่ในยุโรป อังกฤษ อเมริกาเหนือ ญี่ปุ่น เอเชียและแปซิฟิก และจากการที่เป็นผู้ผลิตเอง เซสปรีจึงเป็นผู้นำตลาดผลกีวีระดับโลก

เซสปรีลงทุนปีละหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพและสายพันธุ์ใหม่ของผลกีวี ตลอดจนพัฒนาวิธีการผลิตให้มีขั้นตอนและกระบวนการที่เป็นมิตรกับธรรมชาติยิ่งขึ้น ในปัจจุบันเซสปรีมีผลกีวีหลากหลายชนิดให้ผู้บริโภคเลือกได้ตามความชอบ เช่น เซสปรี กรีนกีวี หรือกีวีสีเขียวพันธุ์ดั้งเดิมที่มีรสชาติอร่อยและให้พลังงาน เซสปรี โกลด์กีวี หรือ กีวีสีทองที่มีรสหวานกลมกล่อม หรือเซสปรี ออร์แกนิคกีวี ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานการปลูกด้วยวิธีออร์แกนิค รวมถึงเซสปรี กรีนกีวีขนาดใหญ่พิเศษ

สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.zespri.com

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวประชาสัมพันธ์โปรดติดต่อ

พิมพ์ไพลิน ธีระลีลา หรือ เบญจรัตน์ ลิมปสุรัติ

เกรลิ่ง (ไทยแลนด์) โทร 02-635-7151-2 แฟกซ์ 02-635-7155

อีเมล: [email protected] และ [email protected]กภ-

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit