บ๊อช (Bosch) เปิดแผนปี 2555 เดินหน้าลงทุนตั้งโรงงานผลิตเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ รองรับตลาดโต พร้อมเล็งใช้ไทยเป็นฐานขยายธุรกิจ สู่ สปป.ลาว

08 Jun 2012

กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--ฮักเดอ

บ๊อซ (Bosch)ประเทศไทย แถลงผลประกอบการปี 2554 ยอดขายเพิ่มขึ้น 25%ระบุประเทศไทยรักษาแชมป์ทำรายได้มากที่สุด ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ในสัดส่วน 40% ของยอดขายทั้งภูมิภาค ทุ่มทุน110 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์รองรับการเติบโตของตลาดในภูมิภาค สานต่อแผนส่งเสริมการคิดค้นนวัตกรรมและขยายไลน์สินค้า ผลักดันยอดขายโตตามเป้าหมาย เล็งใช้ไทยเป็นฐานขยายธุรกิจสู่ สปป.ลาวในปี2555

ในปีงบประมาณ 2554 กลุ่มบริษัทบ๊อช เติบโตทางธุรกิจอย่างเข้มแข็ง มากกว่าที่คาดไว้แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะอ่อนแอ ยอดขายของกลุ่มบริษัทบ๊อช ซึ่งทำธุรกิจจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลกเติบโตกว่า 9 % อยู่ที่ 2.163 ล้านล้านบาท (51.5 พันล้านยูโร) กำไรก่อนหักภาษีมีจำนวน 109 พันล้านบาท (2.6 พันล้านยูโร) คงความแข็งแกร่งทางตลาดในทั้งสามกลุ่มธุรกิจหลักของบ๊อช โดยมีกลุ่มเทคโนโลยียานยนต์ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดและทำยอดขายได้ 1.277 ล้านล้านบาท (30.4 พันล้านยูโร) ในปีที่แล้วและเติบโต 8.2% เทียบกับเวลาเดียวกันของปีก่อน

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เติบโตอย่างเข้มแข็งที่สุดถึง 21 %โดยทำยอดขายได้ 336 พันล้านบาท(8 พันล้านยูโร) กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีก่อสร้างและสินค้าอุปโภคบริโภค ทำยอดขายได้ 550 พันล้านบาท (13.1 พันล้านยูโร) ในปี 2554 ซึ่งเป็นการขยายตัว 4.4 % เนื่องจากการพัฒนาธุรกิจของบริษัทที่ดี จำนวนพนักงานของบริษัทเพิ่มขึ้นในปี 2554 อีก 19,000 คน รวมจำนวนพนักงานกลุ่มบริษัทบ๊อช ทั้งหมดที่ 302,500 คน ณ วันที่ 1 มกราคม 2555

ปี 2555 คาดว่ายอดขายทั่วโลกของกลุ่มบริษัทบ๊อช จะขยายตัวระหว่าง 3-5% และคงการลงทุนอยู่ในระดับสูง โดยรายจ่ายในการลงทุนจะมีจำนวนมากกว่า 126 พันล้านบาท (3 พันล้านยูโร) อีกครั้ง “ปี 2555 เราคาดว่าจะลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเป็นจำนวน 193 พันล้านบาท (4.6 พันล้านยูโร) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2554 เป็นจำนวน 16.8 พันล้านบาท (400 ล้านยูโร)” ดร. โวลค์มาร์ เดนเนอร์ (Dr. Volkmar Denner)หนึ่งในคณะกรรมการบริหารเพื่อการวิจัยและพัฒนาของบ๊อช ผู้ซึ่งจะเป็นประธานบริหารของกลุ่มบ๊อชแทนที่ นายฟรานซ์ เฟเรนบาค (Franz Fehrenbach) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2555 กล่าวเมื่องานแถลงข่าวของกลุ่มบ๊อชเมื่อเร็วๆนี้

การดำเนินธุรกิจในเอเชียแปซิฟิคและประเทศไทย

เอเชียแปซิฟิคยังคงเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตสูงสำหรับบ๊อช โดยธุรกิจของบ๊อชในภูมิภาคนี้มีการขยายตัว 8.9 % หรือคิดเป็นจำนวนประมาณ 504 พันล้านบาท (12 พันล้านยูโร) ในปี 2554 และยังได้มีการลงทุนเพิ่มในภูมิภาคนี้ จำนวน 33.6 พันล้านบาท (800 ล้านยูโร) ในปีที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจในเอเชียแปซิฟิคยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่จะสามารถทำยอดขายในสัดส่วน 30 % ของยอดขายทั่วโลกในปี 2558

สำหรับประเทศไทย ปี 2554 ที่ผ่านมา บ๊อชมีรายได้จากการขายรวม 8.9 พันล้านบาท (212 ล้านยูโร) ซึ่งเพิ่มขึ้น 25% เทียบกับปีก่อนหน้านี้ “ประเทศไทยสามารถทำยอดขายเติบโตสูงสุด สำหรับบ๊อชในเอเชียอาคเนย์ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40%ของยอดขายทั้งหมดของบ๊อชในภูมิภาคนี้ ที่มียอดขายรวมอยู่ประมาณ 23 พันล้านบาท (541 ล้านยูโร) จากการขยายตัวที่เข้มแข็งดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับบ๊อชในเอเชียอาคเนย์ต่อไป” นายมาร์ติน เฮยส์ ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการของบ๊อชในเอเชียอาคเนย์กล่าว

นายปีเตอร์ แวนดลิค (Peter Vandlik) กรรมการผู้จัดการของบ๊อชในประเทศไทยกล่าวเสริมถึงผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมของบ๊อชในประเทศไทย แม้ว่าจะประสบกับภาวะน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้วว่า “การขยายตัวทางธุรกิจอย่างเข้มแข็งที่บ๊อชประสบความสำเร็จในปี 2554 เป็นผลมาจากการที่บริษัทพัฒนาความเข้มแข็งทางนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความสำเร็จในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ และปี 2555 เราคงดำเนินกลยุทธ์ในการเพิ่มการลงทุนและขยายบทบาทของธุรกิจของบริษัทในตลาดในประเทศและเสริมรากฐานสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย”

ดีเดย์เดินเครื่องผลิต โรงงานแห่งที่สาม ไตรมาส 3 ปี 2555

เพื่อสนับสนุนการเติบโตของตลาดเอเชียอาคเนย์ บ๊อชได้ตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่สำหรับเทคโนโลยีการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี เมื่อปลายปี 2554 โดยโรงงานจะสามารถเริ่มการผลิตได้ประมาณไตรมาส 3 ของปี 2555 โรงงานแห่งใหม่นี้เป็นโรงงานแห่งที่ 3 ของบ๊อชในประเทศไทย ซึ่งอีก2 โรงงานทำการผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยบ๊อชวางแผนใช้เงินลงทุนจนถึงปี 2557 รวมมูลค่า 110 ล้านบาท (2.6 ล้านยูโร) ในการวางสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสินทรัพย์ถาวรของโรงงานแห่งใหม่ “โรงงานผลิตแห่งใหม่จะเสริมความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในการเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายสำหรับตลาดในภูมิภาค นอกจากนี้ โรงงานใหม่จะทำให้เรามีความพร้อมต่อการเจริญเติบโตของตลาดในอนาคตโดยเฉพาะการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558” นายแวนดลิค กล่าว

บ๊อชช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในประเทศไทย

กลุ่มบริษัทบ๊อชได้บริจาคเงินเป็นจำนวน 8 ล้านบาท (188,000 ยูโร) เพื่อช่วยผู้ประสบอุทกภัยที่ร้ายแรงที่สุดในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว เงินจำนวน 6.3 ล้านบาท (150,000 ยูโร) ได้ถูกมอบให้สภากาชาดไทยผ่านสภากาชาดสากล เพื่อสนับสนุนกิจกรรมที่มีความจำเป็นของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ บ๊อชประเทศไทยยังได้ร่วมมือกับบริษัทในเครือสนับสนุนความพยายามฟื้นฟูพื้นที่ในจังหวัดอ่างทองโดยบริจาคอุปกรณ์กีฬา เครื่องเขียน สมุด อุปกรณ์การเรียน และเงินบริจาคเพิ่มเติมให้กับโรงเรียนวัดจำปาหล่อ โรงเรียนวัดโพธิ์ทูลและโรงเรียนวัดป่ามุนี เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูโรงเรียน โดยส่วนหนึ่งได้ใช้ในการจัดสร้างอาคารเรียนหลังใหม่สำหรับเด็กปฐมวัย โรงเรียนวัดป่ามุนี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการการป้องกันน้ำท่วมระยะยาว

เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวและอาหารในอาเซียน

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ของบ๊อชเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ชั้นนำรายหนึ่งของโลก ซึ่งได้พัฒนาและทำการผลิตเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมยา อาหารและขนมขบเคี้ยวในมากกว่า 15 ประเทศ บริการของบ๊อชสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ โรงงานใหม่ในประเทศไทยมีพื้นที่ 1,700 ตารางเมตรและยังมีโอกาสขยายพื้นที่ในอาคารเดียวกันได้อีก 400 ตารางเมตร โรงงานจะผลิตเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวและอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งจะเป็นการผลิตตามคำสั่งของลูกค้าในปี 2555 และกำลังการผลิตจะค่อยๆเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบรับกับโอกาสทางธุรกิจจากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

เสนอผลิตภัณฑ์เครื่องมือไฟฟ้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่องในปี 2555

ผลการดำเนินธุรกิจที่ดีของกลุ่มธุรกิจต่างๆของบ๊อชในไตรมาสแรกของปี 2555 เสริมความมั่นใจของบ๊อชในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต

หลังจากที่กลุ่มธุรกิจเครื่องมือไฟฟ้าบ๊อช ได้สร้างสถิติเติบโตถึง 36% ในปีงบประมาณ 2554 เทียบกับปี 2553 กลุ่มธุรกิจเครื่องมือไฟฟ้า ยังคงสามารถรักษาการเติบโตได้ในอัตราเดียวกันในไตรมาสแรกของปี 2555 และเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆมากกว่า 40 รายการออกสู่ตลาดในปี 2555 นี้ โดยมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั่วประเทศเพื่อให้เครื่องมือไฟฟ้าบ๊อชใกล้ชิดกับตลาดมากขึ้นและตอกย้ำตำแหน่งผู้นำของตลาด

ระบบความปลอดภัยกับการดำเนินธุรกิจใหม่ที่ภูเก็ตและเชียงใหม่

ในไตรมาสแรกของปี 2555 กลุ่มธุรกิจระบบความปลอดภัยยังคงรักษายอดขายได้ในระดับที่เทียบเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้บริษัทยังรักษาตำแหน่งหนึ่งในสามผู้นำตลาดระบบรักษาความปลอดภัย โดยมีกลุ่มธุรกิจกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) กลุ่มอุปกรณ์สื่อสารและเสียงประกาศสาธารณะ เป็นกลุ่มธุรกิจหลักและเป็นส่วนสำคัญของผลการดำเนินงานอย่างยอดเยี่ยมของกลุ่ม ในปี 2555 กลุ่มธุรกิจนี้วางแผนเพิ่มบทบาททางธุรกิจโดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพภายใต้ชื่อ Bosch Security systems – Advantage line เพื่อขยายฐานการตลาดสู่ตลาดระดับกลาง รองรับความต้องการของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งเป็นความสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง ในการเสนอทางออกการรักษาความปลอดภัย ที่เชื่อถือได้และเป็นมืออาชีพให้กับตลาดนี้ด้วย นอกจากนี้ระบบรักษาความปลอดภัยบ๊อช ยังได้ตั้งหน่วยปฏิบัติงานในจังหวัดสำคัญอย่างจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดเชียงใหม่เพื่อสนับสนุนการขยายช่องทางการจำหน่ายให้มากขึ้น

กลุ่มธุรกิจอะไหล่รถยนต์บ๊อช ขยายตัวอย่างเป็นที่น่าพอใจ โดยสามารถเพิ่มรายได้จากการขายถึง 15 % ในปีงบประมาณ 2554 รายได้จากการขายยังคงเติบโตในอัตราเดียวกันในไตรมาสแรกของปี 2555 กลุ่มธุรกิจนี้กำลังวางแผนขยายธุรกิจต่อไปโดยเพิ่มอะไหล่ใหม่ๆเพื่อครอบคลุมรถยนต์ญี่ปุ่นมากขึ้น รวมถึงการร่วมมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจ เพื่อขยายตลาดไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น และการจัดกิจกรรมโรดโชว์เพื่อส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง

ประเทศไทยเป็นประตูสู่การขยายธุรกิจไปยัง สปป.ลาว

บ๊อชมีแผนจัดตั้งสำนักงานตัวแทนในนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) ในเดือนมิถุนายน 2555 โดยจะมีการบริหารงานจากบ๊อชในประเทศไทย การตั้งสำนักงานตัวแทนในสปป.ลาวจะช่วยให้บ๊อชขยายธุรกิจไปยังประเทศลาวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และช่วยยกระดับการบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยธุรกิจที่จะเข้าไปบุกเบิกใน สปป.ลาวคือ ธุรกิจอะไหล่รถยนต์ เครื่องมือไฟฟ้า และระบบความปลอดภัย

“เรามองเห็นศักยภาพการเติบโตของธุรกิจรถยนต์ ก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ความปลอดภัย พลังงานน้ำและเหมืองแร่ และยังเป็นโอกาสที่ดีเป็นอย่างยิ่ง ที่บ๊อชจะได้มีส่วนในการช่วยพัฒนาพื้นที่ ด้วยการแบ่งปันความรู้ประสบการณ์เพื่อพัฒนาความรู้ทางวิชาการกับคนในประเทศ รวมทั้งการนำเสนอเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์และนวัตกรรมใหม่ๆที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในสปป.ลาว” นายแวนดลิคกล่าว

ข้อมูลข่าวประชาสัมพันธ์ เพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท ฮักเดอ จำกัด โทร 02 951 0744

คุณศริญญา แสนมีมา , คุณวิลาสินี โฆษจันทร

Email :[email protected] ; [email protected]

ข้อมูลองค์กรเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด โทร. 02 639 3111

คุณยุพารัตน์ เหล่าธนภัทร ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร (ไทย, ลาว และ กัมพูชา)

E-mail : [email protected]กภ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net