มาดอนน่า เผย ทุ่มเวลา 2 ปี เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ W.E. (วี) จนเข้าชิงลูกโลกทองคำ เพื่อรักษาอาการอกหักของตัวเอง

05 Jan 2012

กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม

W.E. (วี) ตำนานรักระหว่างสาวสวยชาวอเมริกันที่มีความคิดล้ำสมัยและเคยผ่านการหย่ามาแล้ว 2 ครั้ง วอลลิส ซิมป์สัน และกษัตริย์ เอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่ง อังกฤษ เป็นรักแท้ที่ผู้หญิงทั้งโลก ไม่อยากลืม แต่ คนทั่วอังกฤษกลับไม่อยากจดจำ จนทำให้จดหมายรักที่ เอ็ดเวิร์ด เขียนหา วอลลิส์ โดยใช้ชื่อย่อว่า W.E. เก็บรักษาไว้ และไม่ถูกนำมาเปิดเผย ให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า เบื้องหลังรักแท้ที่ยิ่งใหญ่ จะมีคำว่าเสียสละ ซ่อนอยู่เสมอ มาดอนน่า มีโอกาสจดหมายที่ เอ็ดเวิร์ด เขียนหา วอลลิสส์ เธอใช้เวลาเขียนบทหนังเรื่อง W.E. 2 ปี และอีก 1 ปีในการแต่งเพลง Masterpiece เพลงประกอบภาพยนตร์ ด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี้ เธอบอกว่า “ไม่ได้ทำหนังเพื่อหวังรางวัลหรือคำชม แค่ใช้หัวใจทำ เพราะว่าจะดีแค่ไหน ถ้ามีใครรักเราได้มากเท่า กับ เอ็ดเวิร์ด รัก วอลลิส” และเมื่อธันวาคมที่ผ่านมาเวทีลูกโลกทองคำตอบรับความกล้าและทุ่มเทของเธอด้วยการที่หนังเข้าชิง 2 รางวัลในสาขาเพลงและดนตรีประกอบยอดเยี่ยม

สำหรับราชินีเพลงป็อป มาดอนน่า W.E. ถือเป็นผลงานที่เสริมสร้างพลังให้กับลูกผู้หญิง ซึ่งยังสอดคล้องกันกับประสบการณ์ในวงการบันเทิงกว่า 3 ทศวรรษ เธอเล่าถึงแรงบันดาลใจว่า "มันเป็นเรื่องดีในการได้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง และรู้ว่าคุณไม่ต้องใช้ชีวิตตามแบบแผนหรือความคาดหวังของคนอื่น ฉันอยากให้ผู้หญิงทุกคนรู้ว่า ไม่มีใครคนไหนจะทำให้เราอ่อนแอได้ ถ้าหัวใจเราไม่ยอมรับ" มาดอนน่า เผยว่า เธอถูกดึงดูดจากเรื่องราวของ วอลลิส ซิมป์สัน ในประวัติศาสตร์ "ฉันคิดว่าการตัดสินใจของ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ที่ 8 ในการสละราชบังลังก์เพื่อผู้หญิงอเมริกันคนนี้ ทำให้เกิดคำถามมากมายขึ้นมาในหัวของฉัน และหนึ่งในนั้นก็คือแนวคิดที่ว่าเขาทำไปเพราะความรัก ก่อให้เกิดเรื่องราวรักโรแมนติกแห่งศตวรรษที่ 20"

ความพยายามทำความเข้าใจชีวิตของ ซิมป์สัน ทำให้ มาดอนน่า คิดได้ว่า "เมื่อฉันค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเธอ ฉันพบว่า วอลลิส ไม่ได้รับความเป็นธรรมในประวัติศาสตร์ มันไม่เหมือนกับสิ่งที่ฉันคิดไว้ในตอนแรก ซึ่งนั้นทำให้ฉันเชื่อมโยงไปถึงสังคมฮอลลิวู้ดในปัจจุบัน ที่หลายคนถูกตัดสินไปก่อนทำความเข้าใจ เราไม่ได้มองพวกเขาแบบมนุษย์ธรรมดา เราป้ายสีดำหรือขาวให้พวกเขาโดยที่ไม่คำนึงถึงความรู้สึก"

มาดอนน่า เผยว่าหนังที่เธอใช้เป็นแรงบันดาลใจในการถ่ายทำก็คือ La Vie En Rose ที่ทำให้ มาริยง โกลติยาร์ดด ได้รับรางวัลออสการ์ "ฉันชอบการถ่ายทำลองเทคแบบที่ไม่มีการตัด และก็มีสองช็อตใน W.E. ที่ยาวกว่า 5 นาที พวกเราไม่มีการตัดและทุกอย่างก็ออกมาอย่างงดงาม”

9 กุมภานี้ ในโรงภาพยนตร์ เท่านั้น

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net