กรุงเทพฯ--7 พ.ย.--สมาคมผู้ผลิตผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่
นายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิตผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ขอความร่วมมือไปยังสมาชิก ผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อย รายกลาง รายใหญ่ ตลอดจนสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ในการเร่งขนส่งไข่ไก่จากภูมิภาคต่างๆ เช่น เหนือ อีสานและใต้ เข้ามา เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเดือดร้อนจากความกังวลเกี่ยวกับปริมาณไข่ไก่ โดยจะกระจายจุดจำหน่าย 20 แห่งในพื้นที่ประสบภัย และเป็นการขายตรงจากเกษตรกรสู่ผู้บริโภค ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้ซื้อไข่ไก่ในราคายุติธรรม
ทั้งนี้ สมาคมฯยังคงยืนยันว่าไข่ไก่ที่ผลิตได้ในประเทศมีเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่รัฐบาลต้องนำไข่เข้ามาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาเลเซียที่มีรายงานการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกและนิวคาสเซิลที่รุนแรงในหลายพื้นที่ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงมากที่โรคระบาดดังกล่าวจะติดเข้ามาทางไข่ไก่นำเข้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงไก่ของไทยและอุตสาหกรรมสัตว์ปีกทั้งระบบ
อย่างไรก็ตาม ปริมาณไข่ไก่ที่เสียหายในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และบางส่วนของจ.นครปฐม มีเพียง 1-2 ล้านฟอง จากปริมาณปกติที่ 25-26 ล้านฟอง ส่งผลให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดต่อวันเฉลี่ย 24-25 ล้านฟอง ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับปริมาณการบริโภคของคนไทย ขณะที่ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเฉลี่ยอยู่ที่ฟองละ 3-3.5 บาท
สำหรับการนำเข้าไข่ไก่ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ก็เป็นเรื่องของกรมปศุสัตว์ที่ต้องดูแลให้เป็นไปตามกฏระเบียบที่องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ หรือ OIE ด้านสุขอนามัยสัตว์และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์จากสัตว์กำหนดไว้ ซึ่งต้องชื่นชมกรมปศุสัตว์ที่ปฏิบัติตามหน้าที่ ถือเป็นการป้องกันโรคที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและประชาชนไทยอย่างมาก
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit