กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--แสนสิริ
แสนสิริแจงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/54 รายได้เติบโตต่อเนื่องจากการโอนที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูงและแนวราบตามเป้าหมาย โดยสามารถสร้างยอดขายรวม 6,800 ล้านบาท มีรายได้รวมกว่า 4,935 ล้านบาท และกำไร 414ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/54 ที่มีรายได้ 4,313 ล้านบาท เผยลูกค้ายังให้การตอบรับคอนโดมิเนียมเป็นอย่างดี สามารถปิดการขายได้ถึง 3 โครงการในเดือนเดียว (ต.ค.54)ได้แก่ บ้านแสนคราม หัวหิน, ดีคอนโด จรัญฯ-บางขุนนนท์ และดีคอนโด กะทู้ จ.ภูเก็ต
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวมยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ และอาจต้องใช้ระยะเวลา ระยะหนึ่งในการแก้ไขปัญหาหลังสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งยอมรับว่าคงส่งผลต่อแผนธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของบริษัทบ้างบางส่วน ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทแสนสิริยังคงมีผลประกอบการที่ค่อนข้างน่าพอใจ โดยสามารถสร้างรายได้รวมกว่า 4,935 ล้านบาท เทียบกับช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาที่ทำได้ 4,313 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิทำได้ถึง 414 ล้านบาท และสร้างยอดขายได้ 6,800 ล้านบาท
“ภาพรวมผลประกอบการที่ค่อนข้างน่าพอใจในช่วง 9 เดือนเป็นผลจากที่มีการโอนและทยอยส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียม อาทิ ไฮฟ์ ตากสิน, เดอะเวอทิเคิล อารีย์ และ ดีคอนโด อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ ที่มีการก่อสร้างและทยอยส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าตามเฟสต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนที่อยู่อาศัยที่มีการโอนให้กับลูกค้าแล้วในช่วง 9 เดือนมีจำนวนรวมประมาณกว่า 3,114 ยูนิต มูลค่าประมาณ 12,200 ล้านบาท” นายเศรษฐา กล่าว
อย่างไรก็ตามแม้สถานการณ์น้ำท่วมจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อลงไปบ้าง แต่ลูกค้ายังคงให้ความเชื่อมั่น รวมทั้งให้การตอบรับในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทแสนสิริเป็นอย่างดี โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึงกว่า 2,300 ล้านบาท โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม มียอดขายโตขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมทั้งสามารถปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียมได้ถึง 3 โครงการในระยะเวลาเพียง 1 เดือน ได้แก่ โครงการบ้านแสนคราม หัวหิน, โครงการดีคอนโด จรัญ – บางขุนนนท์ รวมทั้งโครงการดีคอนโด กะทู้ ที่จ.ภูเก็ต
“แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในบางโครงการ แต่บริษัทยังคงคาดหวังว่า รายได้รวมในปีนี้จะยังคงเติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมที่จ่อโอนกรรมสิทธิ์อีก 2 โครงการคือ ควอทโทร บายแสนสิริ และ บล็อค 77 ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 6,200 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในปี 2555 บริษัทยังมั่นใจว่าจะยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 31,720 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้บางส่วนในปี 2555 และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2557 ขณะที่บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดโครงการแนวสูงและแนวราบเพิ่มเติม ทั้งในกรุงเทพฯ และขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ภาพรวมรายได้ของบริษัทยังนับว่าค่อนข้างดี” นายเศรษฐา กล่าว
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit