กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--Public Hit
วินาทีแรกที่คุณแม่ทราบว่า “กำลังตั้งครรภ์” คงเป็นช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะได้ชื่อว่าเป็นคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเชื่อแน่ว่าทุกคนต่างมุ่งหวังที่ช่วยให้ลูกเติบโตมีสุขภาพที่แข็งแรง น่ารัก เฉลียวฉลาด และอาจจะคิดว่า รอยหยักและเซลล์ประสาทของสมองลูกนั้นธรรมชาติเป็นผู้สร้าง โดยคุณพ่อคุณแม่มักจะส่งเสริมความฉลาดเพิ่มรอยหยักของสมองก็ต่อเมื่อหลังคลอด แต่ทราบหรือไม่ว่า...สมองของทารกนั้นถูกสร้างขึ้นและมีการขยายหรือเติบโตของเซลล์ประสาทแล้วตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ซึ่งว่าที่คุณพ่อคุณแม่สามารถบำรุงสมองของลูกน้อยให้ฉลาดได้ตั้งแต่ยังเป็นทารกในครรภ์เลยทีเดียว ดังคำกล่าวที่ว่า “กว่าจะรอคลอด ลูกน้อยก็อาจจะสูญเสียโอกาสที่จะได้รับการพัฒนาความฉลาดและเปิดโลกการเรียนรู้สู่ศักยภาพสูงสุดแล้ว”
เอส-26 มัมโกลด์ นมสูตรเฉพาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เชื่อว่า ทุกนาทีของทารกตลอด 40 สัปดาห์ในครรภ์ของมารดา มีความหมายต่อการพัฒนาศักยภาพสมองของลูกน้อย เพราะสมองของทารก ในระยะ2-4 เดือนหลังการปฏิสนธิ นิวรอน (Neuron) หรือเซลล์ประสาทของทารก จะมีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วมากถึง 250,000 เซลล์ต่อนาที และวันที่ทารกกคลอด จะมีเซลล์สมองถึง หนึ่งแสนล้านเซลล์ ดังนั้น ว่าที่คุณพ่อคุณแม่สามารถร่วมเสริมสร้างศักยภาพสมองของลูกน้อยในครรภ์ ผ่านการมอบโภชนาการที่ครบถ้วน สมบูรณ์ และการกระตุ้นผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ สัมผัสทางกาย, การได้ยิน, การรับรส, การมองเห็น และ การรับกลิ่น นพ.มานิตย์ แสนมณีชัย สูติ-นรีแพทย์ ผู้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทารกตั้งแต่ในครรภ์ เผยว่า แม้พันธุกรรมที่ได้รับจากคุณพ่อคุณแม่ จะมีอิทธิพลต่อระดับสติปัญญาของลูกน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่า การพัฒนาสมองและความฉลาดของลูกน้อยไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ สังเกตจากลูกสองคน ที่ถือกำเนิดจากพ่อแม่เดียวกัน แต่อาจฉลาดไม่เท่ากัน ซึ่งอีก 2 ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการสร้างลูกน้อยให้ฉลาดตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ คือ อาหาร และสิ่งแวดล้อม
“ถ้าทารกในครรภ์ได้รับสารอาหารที่ดีและเหมาะสมครบ 5 หมู่ จะช่วยให้ร่างกายของทารกสามารถพัฒนาความฉลาดและเปิดโลกการเรียนรู้สู่ศักยภาพสูงสุดได้เช่นกัน เพราะสารอาหารหลายชนิดมีผลในการสร้างร่างกายของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เช่น ในช่วง 1 – 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่จำเป็นต้องได้รับสารโฟเลตที่เพียงพอเพื่อช่วยในการสร้างหลอดประสาทและสมองที่สมบูรณ์ของทารก ขณะที่โปรตีนเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องใช้เพื่อเสริมสร้างขนาดและคุณภาพของสมอง หากคุณแม่ได้รับสารอาหารโปรตีนน้อยเกินไป เซลล์สมองของลูกในท้องก็จะมีขนาดเล็ก และทำให้ทารกที่คลอดออกมา มีระดับสติปัญญาต่ำกว่าเด็กคนอื่นๆ ได้ ทั้งนี้ ภาวะขาดแคลนสารอาหาร หรือได้รับสารอาหารบางชนิดไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านสมองของเด็ก อย่างชัดเจน” นพ.มานิตย์กล่าว สำหรับแหล่งรวมสารอาหารโฟเลตได้แก่ ผักใบเขียวต่างๆ เช่น คะน้า ตำลึง ผักโขม บล็อคโคลี่ ฟักทอง และผลไม้ เช่น ส้ม ขณะที่แหล่งอาหารโปรตีนสำคัญ ที่คุณแม่สามารถรับประทาน คือ เนื้อ นม ไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งมีสารดีเอชเอ ที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาระบบประสาท สติปัญญาและความฉลาดของทารก ทั้งนี้ คุณแม่ ที่ ดื่มนมเป็นประจำ นอกจากจะได้รับสารอาหารโปรตีน และแคลเซียม แล้ว ปัจจุบัน นมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร ยังมีการเสริมโฟเลต ดีเอชเอ แคลเซียม และกลุ่มวิตามินต่างๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
นพ.มานิตย์ ได้ให้ความรู้เพิ่มเติมด้วยว่า ว่าที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมพัฒนาการของลูกน้อยได้ตั้งแต่ในครรภ์ ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ สัมผัสทางกาย, การได้ยิน, การรับรส, การมองเห็น และการรับกลิ่น ทั้งนี้ คุณพ่อและคุณแม่ จะต้องทำด้วยความรัก ความผูกพัน และปราศจากความเครียด
ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ทารกยังเป็นตัวอ่อนอยู่มากแต่สามารถเริ่มรับรู้สัมผัสทางกายได้เมื่ออายุ 2 เดือน คุณพ่อคุณแม่ สามารถกระตุ้นสัมผัสลูกน้อยได้โดยการลูบหรือตบหน้าท้องเบาๆ พร้อมพูดคุยกับลูก ทำอารมณ์ให้สดชื่น เมื่อคุณแม่มีความสุข ก็จะหลั่งสารแห่งความสุข (เอนโดรฟิน) และส่งผ่านไปยังลูกน้อยในครรภ์ ส่งผลให้ลูกเจริญเติบโตและมีอารมณ์ดี
เมื่อก้าวเข้าสู่ไตรมาสที่สอง พลังวิเศษที่คุณแม่และคุณพ่อสามารถทำได้โดยง่ายดาย คือการพูดคุย เล่านิทาน ร้องเพลงหรือเปิดเพลงสบายๆ ให้ลูกฟัง เพื่อกระตุ้นพัฒนาการ การได้ยิน โดยในช่วงเดือนที่ 6 หูของทารกจะเริ่มทำงานได้เต็มที่ การพูดคุยกับลูกตั้งแต่ในครรภ์ นอกจากจะก่อให้เกิดความรัก ความผูกพัน และส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกได้ผลดีมากแล้ว ยังเป็นการเสริมพัฒนาการด้านการได้ยิน ภาษาและอารมณ์ของลูกด้วย
สำหรับช่วงไตรมาสสุดท้าย ลูกน้อยสามารถได้รับการพัฒนาทั้ง การรับรส, การมองเห็น และ การรับกลิ่น “ในเดือนที่ 7 ทารกในครรภ์จะสามารถรับรู้รส จากการกลืนน้ำคร่ำและอาหารที่คุณแม่ทาน อาทิ ในกรณีที่คุณแม่ติดทานรสชาติหวาน มีแนวโน้มว่าลูกจะติดทานรสชาติหวานในอนาคต และในระยะนี้ทารกจะลืมตา รับรู้แสงและสามารถสนองตอบด้วยการดิ้น ซึ่งคุณแม่อาจเล่นกับลูกน้อยโดยการใช้ไฟฉายส่องแบบค่อยๆ กะพริบเพื่อให้แสงทะลุผ่านหน้าท้องไปที่น้ำคร่ำทำให้ลูกรู้ความแตกต่างของความมืดและความสว่างได้ และเมื่ออายุ 9 เดือน ประสาทสัมผัสด้านการได้กลิ่นจะเริ่มทำงานแม้จะยังไม่ชัดเจนนัก การใช้กลิ่นอโรมาอ่อนๆ นอกจากจะทำให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย แล้วยังอาจสามารถกระตุ้นการ รับรู้กลิ่นของทารกได้” นพ.มานิตย์กล่าว
เพราะเชื่อว่า ศักยภาพของลูกน้อยในครรภ์ผ่านการมอบโภชนาการที่ครบถ้วน สมบูรณ์ และการกระตุ้นผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 เอส-26มัมโกลด์ (S-26 Mom Gold) และโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ขอเชิญว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ร่วมกิจกรรม “S-26 MoM Workshop สร้างลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์” โดยนพ.มานิตย์ แสนมณีชัย สูติ-นรีแพทย์ ผู้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมองตั้งแต่ในครรภ์ จะมาร่วมแนะนำเทคนิคใหม่ล่าสุดเสริมสร้างความฉลาดแก่ลูกน้อยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ สัมผัสทางกาย, การได้ยิน, การรับรส, การมองเห็น และ การรับกลิ่น พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับโภชนาการที่ดีสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ในวันเสาร์ที่ 10 มีนาคมนี้ ณ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ สนใจร่วมกิจกรรมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ เอส-26 คลับ โทร 02 640 2288 ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.
เกี่ยวกับ เอส-26 มัมโกลด์
นมผงปรุงแต่งพร่องไขมัน S-26 Mom Gold สูตรโฟเลตและแคลเซียมสูง สำหรับคุณแม่มีครรภ์และให้นมบุตร อุดมด้วยโฟเลต ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง หญิงตั้งครรภ์ในเดือนแรกจำเป็นต้องได้รับโฟเลตเพื่อช่วยในการสร้างหลอดประสาทและสมองที่สมบูรณ์ของทารก นอกจากนี้ ยังมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง เพื่อสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง ทั้งนี้ ในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร คุณแม่มีความต้องการทางโภชนาการที่เพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้งได้รับอาหารและโภชนาการที่ดี เพื่อให้ลูกรักเติบโตมีพัฒนาการเต็มศักยภาพ
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ www.S-26.co.th
ติดต่อ:
วันเพ็ญ โล่ห์เลิศพิภพ
02 665 4590
ตรงเจตน์ นามวงษ์
02 665 4765
-กผ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit