ปีใหม่55 กรมสุขภาพจิตแนะมองชีวิตด้วยการคิดบวกชูแบบอย่างชีวิตของน้องธันย์...ใจที่ไม่ยอมแพ้..มองความสูญเสียเป็น..บทเรียน

16 Jan 2012

กรุงเทพ--16 ม.ค.--กรมสุขภาพจิต

ปีใหม่ 55 หรือปีมังกรทองที่กำลังจะถึงนี้ อาจจะมีหลายคนที่ไม่ได้สนใจกับการเฉลิมฉลองมากนัก เพราะ“ความสูญเสีย”จากวิกฤติน้ำท่วมที่เพิ่งผ่านพ้นไปได้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมากมาย ทั้งต่อสภาพจิตใจ ทรัพย์สิน บ้านเรือน โอกาสทางธุรกิจหรือการขาดรายได้ ต้องหยุดงาน ยิ่งเมื่อผู้ประสบภัยได้กลับเข้าบ้าน ภาพที่ได้เห็นไม่ว่าจะเป็นร่องรอยของคาบน้ำ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เสียหายจากการแช่น้ำ เป็นความสูญเสียที่ผู้ประสบภัยต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ผู้มีสุขภาพจิตที่ดีและจิตใจที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะสามารถทำใจให้ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วสำหรับปีใหม่ถ้าทุกคนคิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่เราจะมีโอกาสได้เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆอีกครั้ง คิดถึงเรื่องต่างๆที่สร้างสรรค์สรรค์ ปรับทัศนคติใหม่มองความสูญเสียที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นบทเรียนที่มีคุณค่า ก็จะช่วยให้เราก้าวผ่านปัญหาและอุปสรรค์ต่างๆไปได้และสามารถดำเนินชีวิตต่อได้อย่างมีความสุขรับพุทธศักราชใหม่อีกครั้ง

นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าหลายๆท่านที่ประสบความสูญเสียจากเหตุอุทกภัย ย่อมต้องทุกข์ใจหรือเกิดภาวะเครียดไปตามๆกัน สภาวการณ์เช่นนี้การดูแลสุขภาพจิตใจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ในเทศกาลปีใหม่ที่กำลังมาเยือนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำอะไรดีๆหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะการสร้างสุขภาพจิตที่ดีให้กับตัวเองและคนในครอบครัว เพราะจะเป็นเสมือนภูมิต้านทานต่อความสูญเสียต่างๆที่เป็นแรงกระทบจิตใจของสมาชิกทุกคน คนที่มีสุขภาพจิตดีย่อมช่วยให้ทุกคนในครอบครัวมีกำลังใจดี และพร้อมเผชิญวิกฤตในชีวิตได้ดีด้วย จึงอยากจะให้ผู้ประสบภัยปรับทัศนคติเสียใหม่มองชีวิตด้วยการคิดบวกนำความสูญเสียที่เกิดขึ้น มาเป็นบทเรียนที่ช่วยทำให้เราเข้มแข็ง เพราะบทเรียนนี้ไม่สามารถหาจากตำราไหนได้อีกนอกจากตำราชีวิตของเราเอง ความรู้สึกจากความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย หรืออาจเป็นเรื่องร้ายแรงหรืออาจเลวร้ายที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็เรียกว่า"ความสูญเสีย"เหมือนกัน และก็คงไม่อาจเรียกร้องให้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมาได้เหมือนเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะได้จากความสูญเสียที่เหมือนกันก็คือ "การเรียนรู้" เรียนรู้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เรียนรู้ที่จะอยู่กับความสูญเสียให้ได้ แล้วดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปกับปัจจุบัน โดย ไม่ยึดติด ไม่โหยหา ไม่อาวรณ์ และไม่กังวล ความโศกเศร้าจากการสูญเสียไม่ได้ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น แต่อยู่ที่การจัดการ การแก้ไขต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่างหาก ซึ่งจะเป็นบทเรียนรู้ที่ดีที่จะช่วยเราได้ในการปรับตัวครั้งต่อๆไป การปรับตัวต่อปัญหาจะทำให้เรามองเห็นแนวทางในการสู้ชีวิตต่อไปในแง่มุมต่างๆ ได้หลายหลากมากขึ้น ลองคิดดูให้ดีเราเองมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ลงมือทำ อย่ามัวเสียเวลานั่งเสียดายกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เมื่อถึงที่สุดแล้วเราเองจะค้นพบความสุขทางใจได้ไม่ยาก หากเพียงเปิดใจที่จะเรียนรู้และอยู่กับความสูญเสียให้ได้ด้วยตัวเราเอง

อธิบดีกรมสุขภาพจิตได้พูดถึงกรณีของ“น้องธันย์”หรือ ด.ญ.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์อายุ 14 ปี นักเรียน ชั้น ม.3 โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จ.ตรัง ผู้ที่สูญเสียขาทั้งสองข้างจากอุบัติเหตุทางรถไฟเมื่อครั้งเดินทางไปเรียนภาษาอังกฤษที่ประเทศสิงคโปร์ ว่า “น้องธันย์”นับเป็นตัวอย่างหนึ่งของผู้ที่ประสบกับความสูญเสียซึ่งรู้จักเรียนรู้ที่จะอยู่กับความสูญเสียจนสามารถทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข จากเด็กหญิงที่เคยมีสภาพร่างกายปกติต้องกลายมาเป็นผู้พิการเพราะถูกตัดขาทั้งสองข้าง แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่พลิกผัน ไม่อาลัยอาวรณ์กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น กลับยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นด้วยจิตใจที่เข้มแข็งและยังมีมุมมองต่อชีวิตที่คิดบวก โดยไม่แสดงความทุกข์หรือเสียใจให้ใครๆได้เห็น ซึ่งเป็นวิธีคิดที่สร้างกำลังใจให้กับตัวเองของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างน้องธันย์

***กรมสุขภาพจิตจึงขอมอบของขัวญปีใหม่2555 ด้วยการชูแบบอย่างชีวิตของน้องธันย์...ใจที่ไม่ยอมแพ้..มองความสูญเสียเป็น..บทเรียน เพื่อเป็นกำลังใจหรือแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายๆคนที่กำลังประสบความสูญเสียจากเหตุการณ์น้ำท่วมหรือเหตุการณ์อื่นๆอยู่ขณะนี้***

ด้านน้องธันย์ได้เล่าถึงเหตุการณ์ตอนเกิดอุบัติเหตุด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่าตอนปิดเทอมฤดูร้อนได้เดินทางไปเรียนซัมเมอร์คอร์สภาษาอังกฤษเคมบริดจ์ที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันเกิดเหตุได้นัดกับเพื่อนไว้และได้เดินทางไปรอขึ้นรถไฟฟ้า ระหว่างที่ยืนรอได้เกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในรางรถไฟและถูกรถไฟทับที่ขาทั้งสองข้าง พอตั้งสติได้ก็ร้องเรียกให้คนมาช่วยและพยายามพยุงขาที่ถูกรถไฟทับขึ้นมา วินาทีนั้นรู้สึกเลยว่าตัวเองต้องสูญเสียขาแน่นอนและต่อไปนี้คงเดินไม่ได้แล้ว ความรู้สึกแรกๆก็รู้สึกเสียใจนะคะที่ต้องเสียขา รู้สึกเสียดาย แต่พอหลังๆก็ทำใจได้ ต้องบอกกับตัวเองว่าเสียดายได้แต่อย่าท้อนะ เพราะมันจะยิ่งทำให้ตัวเราเป็นทุกข์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ธันย์ทำใจได้โดยใช้เวลาไม่นานนักก็คือกำลังใจซึ่งเริ่มด้วยการสร้างกำลังใจให้ตนเองก่อน เพราะธันย์เชื่อว่าถ้ากำลังใจเราดีแล้วร่างกายที่ดีก็จะตามมา นอกจากนี้ธันย์ยังได้กำลังใจจากคนรอบข้าง และนำมาเป็นแรงผลักดันในชีวิตให้สู้ต่อไป ชีวิตยังมีความฝัน ธันย์ฝันไว้ว่าจะเป็นจิตแพทย์และเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ธันย์มีประสบการณ์ตรง ช่วงที่รักษาตัวมีคนมาให้กำลังใจเต็มห้องไปหมด ทุกคนที่รู้ข่าวทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน แต่เขามาให้กำลังใจ บางคนก็ร้องไห้กลายเป็นว่าเราต้องคอยปลอบ ช่วงรักษาตัวนั้นพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง อาบน้ำเอง ไปไหนมาไหนเอง ไม่กดออดเรียกพยาบาลเลย พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเองหมด เพียงแต่ยังเดินไม่ได้เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ท้อนะคะแม้จะไม่มีขาแต่เราก็ยังมีรถเข็นค่ะ

“น้องธันย์อยากจะให้ทุกท่านมองความสูญเสียที่เกิดขึ้นว่าเป็นบทเรียนของชีวิต และอยากจะมอบของขัวญปีใหม่ให้กับทุกท่านด้วยการแบ่งปันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของธันย์ให้เป็นทั้งกำลังใจและแรงบันดาลใจแก่ผู้ที่สูญเสียได้ลุกขึ้นสู้ การสูญเสียทรัพย์สินเราสามารถหาใหม่ได้ แต่ธันย์สูญเสียขาไปแล้วไม่สามารถได้ขามาเป็นเหมือนเดิมมีเพียงขาเทียมมาทดแทน แต่ธันย์และผู้ประสบภัยทุกท่านเรายังมีสิ่งสำคัญที่สุดที่เหมือนกันซึ่งช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ได้นั่นก็คือ”ลมหายใจ” ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจทุกอย่างก็สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ หรือหามาทดแทนได้เสมอ ท้อได้ค่ะแต่อย่าถอย พยายามอย่าคิดว่าทำไมตัวเองถึงโชคร้าย ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะยิ่งจะทำให้เราห่อเหี่ยวท้อใจ ธันย์เชื่อว่าทุกคนสามารถสร้างกำลังใจที่ดีได้เพียงแค่คิดบวก ไม่คิดถึงแต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว พยายามหาด้านดีๆของสิ่งเหล่านั้น ขนาดเหรียญยังมี2ด้าน คนยังมี2หน้า ทุกสิ่งทุกอย่างมี 2ด้านเสมอ ใช้เวลาทำใจไม่นานเดี๋ยวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ชีวิตต้องมองไปข้างหน้า ไม่ใช่มองแค่ตรงนี้ อนาคตต้องเดินต่อไป ลมหายใจบวกกำลังใจเท่ากับชีวิตที่สดใสค่ะ”น้องธันย์กล่าว.-

อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวแนะนำวิธีสร้างความสุขรับปีใหม่ปีมังกรแบบง่ายๆด้วย“การยิ้ม”เพราะการยิ้มจะช่วยลดความเครียดได้ การยิ้มนั้นมีความสัมพันธ์กับความสุขใจ เมื่อคนเรารู้สึกมีความสุขเราจะแสดงออกทางสีหน้าด้วยรอยยิ้ม การยิ้มจะช่วยลดความเครียด ลดความขุ่นเคืองใจ ลดความขัดแย้ง พร้อมกับร่างกายได้หลั่งสารเอนโดฟีนไปยังสมองทำให้อารมณ์แจ่มใสช่วยให้มองโลกในแง่ดีขึ้น การยิ้มในสถานการณ์ขับขันจะช่วยเพิ่มความกล้าในจิตใจ ทำให้มีพลังที่จะเอาชนะปัญหาอุปสรรคมากมายที่กองอยู่ตรงหน้าให้ผ่านพ้นได้ด้วยใจที่เข้มแข็ง

***สิ่งที่ไม่ดีในปีเก่าจะผ่านพ้นไป และลอยไปกับสายน้ำ ปีใหม่ก็จะมีแต่สิ่งใหม่ๆที่เป็นสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตของทุกคน ขอให้พี่น้องประชาชนก้าวสู่ปีใหม่พร้อมด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขนะครับ***

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเพิ่มเติมว่าผู้ประสบภัยหลายท่านที่สูญเสียอาจรู้สึกว่าเป็นทุกข์มาก และนึกวนเวียนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เฝ้าแต่คิดว่า“สิ่งเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดกับเราเลย” “หรือ “ถ้าน้ำไม่ท่วมบ้านเราคงไม่เสียหายขนาดนี้”การคิดแบบนี้จะยิ่งทำให้ใจเป็นทุกข์ ท้อแท้ และเศร้าหมอง รับศักราชปีใหม่2555 จึงอยากให้ทุกท่านลองเปลี่ยนมุมมองเปลี่ยนความคิดให้เป็นบวก เป็นการคิดในเรื่องที่ว่าปีใหม่นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เราจะมีโอกาสได้ เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆอีกครั้ง ปีใหม่เป็นโอกาสที่จะทำกิจกรรมดีๆ มากมายที่ไม่ได้มีในวันปกติ เช่นการสวดมนต์ข้ามปีซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำที่บ้านก็ได้ ถือเป็นการทำกิจกรรมดีๆรับปีที่ดูเรียบง่ายแต่ก็ช่วยให้จิตใจสงบและเป็นสุขสะดวกปลอดภัยกับชีวิตอีกด้วย

***ในวันปีใหม่นี้… ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยดลบรรดาลให้ทุกท่านมีชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุข สุขภาพดีทั้งกายและใจ ในวันปีใหม่และทุกวันตลอดไป***

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

กส