กรุงเทพฯ--13 ม.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์) ได้มอบนโยบายให้กรมธนารักษ์ หาแนวทางในการลดเงินที่จะต้องชำระให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) ตามคำพิพากษาในการจ่ายค่าฐานรากกรณีการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต เพื่อให้ทางราชการสามารถลดเงินที่ต้องชำระ พร้อมทั้งเร่งรัดการพัฒนาต่อเนื่องและกำชับการสอบสวนเพื่อหาผู้รับผิดชอบทางแพ่งให้เสร็จ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์) กล่าวว่า ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต ซึ่งกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังต้องจ่ายเงินชดเชยค่าฐานรากและดอกเบี้ยให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) จากเงินต้นจำนวนกว่า 600 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
นายวิรุฬ กล่าวต่อว่าตนได้มอบนโยบายให้นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ หาแนวทางในการลดจำนวนเงินที่ต้องชำระดังกล่าวโดยให้เจรจาตกลงกับ BTSC กรมธนารักษ์จึงได้จัดประชุมร่วมกับ BTSC เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2554 เพื่อเจรจาทำความตกลง ซึ่งได้รับรายงานจากนายนริศว่ากรมธนารักษ์จะชำระครบทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยภายในเดือนมกราคม 2555 ตามที่กรมธนารักษ์ได้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังผ่านทางกรมบัญชีกลางตามมติคณะรัฐมนตรีซึ่งกระทรวงการคลังได้เร่งให้กรมบัญชีกลางพิจารณาแล้วเสร็จโดยเร็ว และ BTSC จะยกเว้นดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ซึ่งเป็นวันครบกำหนด 60 วันนับแต่มีคำพิพากษาให้ชำระให้แล้วเสร็จจนถึงวันที่กรมธนารักษ์ชำระหนี้ครบถ้วนภายใน 31 มกราคม 2555 และหากไม่สามารถชำระหนี้ได้ครบภายในเดือนมกราคม 2555 ขอให้ยกเว้นดอกเบี้ยตามคำพิพากษาในช่วงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ถึง 31 มกราคม 2555 ซึ่งคณะผู้บริหารของ BTSC เห็นชอบเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2555 โดยกรมธนารักษ์จะรับผิดชอบภาระภาษีของยอดเงินดอกเบี้ยที่งดการเรียกเก็บดังกล่าวในอัตราร้อยละ 30 ทั้งนี้ จากผลของการเจรจาดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ทำให้ราชการไม่ต้องชำระดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ถึง 31 มกราคม 2555 ซึ่งเมื่อคำนวณดอกเบี้ยแล้วต้องชำระถึงวันละประมาณ 120,000 บาท ในระยะเวลา 78 วัน ราชการสามารถลดภาระเงินที่ต้องชำระให้กับ BTSC ได้เกือบ 7 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาหาผู้ลงทุนดำเนินการต่อเพื่อนำรายได้กลับคืนในส่วนค่าฐานรากและดอกเบี้ยนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลังที่จะนำเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังเร่งพิจารณาอยู่ ส่วนการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบทางแพ่งนั้นเนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดมานานซึ่งจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงต้องให้ความยุติธรรมทุกฝ่าย ความยุติธรรมจะเร่งรัดมากไม่ได้ แต่ตนก็กำชับให้กรมธนารักษ์ดำเนินการในเวลาที่เหมาะสมแล้ว นายวิรุฬ กล่าวในตอนท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit