ไทยเดินหน้าโชว์ศักยภาพจัด VICTAM ASIA 2012 สุดยอดอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของภูมิภาคเอเชีย

20 Jan 2012

กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--โฟร์ฮันเดรท

ไทยโชว์ศักยภาพจัดงานระดับโลก VICTAM ASIA 2012 อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ทั้งสัตว์น้ำ สัตว์เลี้ยง และอุตสาหกรรมการแปรรูปธัญพืชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ที่จัดโดย วิคเทม อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค พร้อมยกให้ไทยเป็นศูนย์กลาง อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงของ VICTAM ASIA 2010 เงินสะพัดร่วม 2,000 ล้านบาท โดยมีผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมอาหารสัตว์จากนานาประเทศเข้าร่วมแสดงงานกว่า 150 ราย และผู้เข้าชมงานทั่วโลกกว่า 20,000 คน ย้ำเชื่อมั่นไทยยังผงาดในตลาดอาหารสัตว์สากล แม้เผชิญหน้าวิกฤติอุทกภัยครั้งร้ายแรง เหตุพื้นฐานการผลิตแข็งแกร่ง!!!

นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ผู้บริหารโครงการ VICTAM ASIA 2012 เปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากความสามารถในการผลิตอาหารสัตว์ของไทยที่ส่งออกคิดเป็น 6% ของมูลค่าตลาดโลก ในขณะที่แนวโน้มความต้องการอาหารสัตว์ในตลาดโลกมีทิศทางที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดงาน VICTAM ASIA 2012 ขึ้นอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 15-17 กุมภาพันธ์ 2555 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร โดยจะได้นำเสนอนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และอุตสาหกรรมการแปรรูปธัญพืชนานาชาติ ซึ่งเกี่ยวข้องตั้งแต่กระบวนการแสวงหาวัตถุดิบ ส่วนผสม การผลิต เทคโนโลยี เครื่องจักร การแปรรูป การเก็บรักษา และกระบวนการขนส่งครบวงจร จากผู้ประกอบการทั่วโลกกว่า 150 ราย มีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 20,000 คน และมีเม็ดเงินสะพัดในงานไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

การจัดงาน VICTAM ASIA 2012 ในครั้งนี้สืบเนื่องจากความสำเร็จของงาน VICTAM 2010 ที่มีกลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์ และอุตสาหกรรมการแปรรูปธัญพืช โดยมีบริษัทเข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 150 บริษัท จากทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน จีน มาเลเซีย ไทย ฯลฯ และมีผู้เข้าร่วมชมงานรวมกว่า 20,000 คนจากทั่วทุกมุมโลก มีเม็ดเงินสะพัดในงานกว่า 1,500 ล้านบาท

นายภูษิต กล่าวต่อไปว่า “เป้าหมายการจัดงานครั้งนี้เพื่อยกระดับและเพิ่มศักยภาพการผลิต และการค้าด้านอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทยให้เป็นศูนย์กลางการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าการจัดงานจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทย และยังเป็นเวทีการเจรจาธุรกิจให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี ความเคลื่อนไหว และแนวความคิดใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์นานาชาติ เพราะเชื่อมั่นว่าพื้นฐานภาคการผลิตของไทยยังแข็งแกร่งสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยเฉพาะแหล่งวัตถุดิบ และทักษะฝีมือแรงงาน”

จุดเด่นของงานครั้งนี้ประกอบด้วย เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านอาหารสัตว์น้ำ สัตว์เลี้ยง อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ กระบวนการในการแปรรูปแป้งจากโรงสี ธัญพืช และวัตถุดิบในการผลิต กระบวนการเก็บรักษา และระบบขนส่ง ทั้งระบบเทคโนโลยีที่ใช้กระบวนการแปรรูป และรีไซเคิลชีวมวล เพื่อนำไปให้เป็นแหล่งพลังงานทางเลือก รวมถึงนวัตกรรมใหม่ สำหรับโครงการเชื้อเพลิงอัดเม็ด ( Biomass Pelleting) ที่ผลิตจากขยะอินทรีย์ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกในขณะนี้เพื่อลดต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงในตลาดอาหารอินทรีย์ที่กำลังจะกลายเป็นเทรนด์ในอนาคตนี้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีระบบ และอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรม เพื่อควบคุม ตรวจสอบ และรักษามาตรฐานความปลอดภัย และการระเบิดฝุ่นผง ขณะเดียวกันยังมีกิจกรรมการสัมมนาในหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิเช่น จากกรมปศุสัตว์, กรมประมง, ตลาดเกษตรกร และสมาคมโรงสีข้าวแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศทางการฟื้นฟูผู้ประกอบการหลังน้ำลดในภาคอุตสาหกรรมการเกษตรทั้งหมด ว่าจะทำอย่างไรให้กลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง

“สำหรับการจัดงาน VICTAM ASIA 2012 ในปีนี้ ยังมีการจัดงาน Feed Ingredients & Additives Asia Pacific 2012 (FIAAP ASIA) ซึ่งเป็นงานที่รวมส่วนผสมของอาหารสัตว์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และดีต่อสุขภาพ ทั้งสารเติมแต่งอาหารสัตว์ และสูตรอาหารสัตว์ โดยภายในงานยังมีเวทีแลกเปลี่ยนสำหรับผู้เชี่ยวชาญ และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ระดับนานาชาติ มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ตลอดจนทิศทาง และเทคโนโลยีล่าสุดในการกำหนดสูตรอาหารที่ปลอดภัย ยั่งยืน และมีกำไรสูง สำหรับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค” นายภูษิต กล่าว

นอกจากนี้ยังมีงาน GRAPAS ASIA 2012 ซึ่งเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการแปรรูปต่างๆ ตั้งแต่กระบวนการการสีข้าว โม่แป้ง รวมทั้งอุตสาหกรรมการผลิตบะหมี่ การแปรรูปธัญพืชที่ใช้เป็นอาหารเช้า และของขบเคี้ยวที่มาจากพืชประเภทข้าว

แม้ว่าขณะนี้ประเทศไทยจะเผชิญหน้ากับวิกฤติการอุทกภัยครั้งร้ายแรงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งกินวงกว้างครอบคลุมพื้นที่ถึง 58 จังหวัด โดยธนาคารโลกได้ประเมินความเสียหายว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 6.6 แสนล้านบาท และด้านของความสูญเสียมีมูลค่าอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท รวมเป็น 1.4 ล้านล้านบาท หรือกระทบจีดีพีลดลง 1.2% ทำให้ในปี 2554 เศรษฐกิจของไทยจะเติบโตได้ 2.4% จาก 2.6% ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์ นั้นตนยังมองว่าประเทศไทยมีความแข็งแกร่งในภาคการผลิตเพื่อการส่งออก เพราะมีความได้เปรียบด้านวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวน การผลิตและทักษะแรงงาน จึงเชื่อว่าไทยจะยังคงเป็นประเทศผู้ผลิตที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ต่อไป

ซึ่งแนวโน้มความต้องการอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นเพราะแนวโน้มจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มสูงขึ้นและการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วอย่างประเทศจีนและอินเดีย ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์เติบโตอย่างรวดเร็ว วารสาร Feed International ระบุว่าตัวเลขการผลิตอาหารสัตว์ของโลกเพิ่มขึ้น 14% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและเพิ่มขึ้น 11% ตั้งแต่ปี 2543 ยอดรวมการผลิตในปี 2550 เท่ากับ 680.4 ล้านตัน โดยบราซิลเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ที่สุดของโลก (ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 6.5%-7% ในปี 2549 เท่ากับ 48.36 ล้านตัน) สำหรับงานนี้จะทำให้ผู้ประกอบการได้ทราบถึงทิศทางการรับมือกับความต้องการอาหารสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอีกด้วย

สอดคล้องกับข้อมูลจาก Euromonitot International ที่ระบุว่าจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยทั่วโลกส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ทั่วโลกในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4% ซึ่งเท่ากับอัตราการเจริญเติบโตในอุตสาหกรรมดังกล่าวของภูมิภาคเอเชีย ตัวเลขนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาคเอเชียยังมีพื้นฐานการผลิตและบริโภคที่แข็งแกร่งโดย Euromonitot International ยังระบุว่า ตั้งแต่ปี 2553-2558 อินเดียจะมีอัตราการเจริญเติบโตของยอดขายอาหารสัตว์เป็นอันดับหนึ่ง คือ 13.8% คิดเป็นมูลค่า 82 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ในขณะที่ไทยและจีนมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 8.3% และ 7.7% คิดเป็น 456 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ และ 476 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ตามลำดับ ซึ่งหมายความว่าในปี 2558 ไทยและจีนจะมียอดขายอาหารสัตว์รวมกันสูงกว่าอินเดีย คือ 932 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ทำให้เทรนด์ของอุตสาหกรรมดังกล่าวมุ่งสู่ภูมิภาคเอเชียอย่างแน่นอน

อนึ่งการจัดงาน VICTAM ASIA 2012 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 โดยจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2008 จะจัดขึ้นทุก 2 ปี เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทย และยังเป็นเวทีการเจรจาธุรกิจให้ผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มีโอกาสแลกเปลี่ยน ความรู้ เทคโนโลยี ความเคลื่อนไหว และแนวความคิดใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์นานาชาติ ที่จัดขึ้นโดย บริษัท วิคเทม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้เชี่ยวชาญการจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมสัตว์ระดับนานาชาติ จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากการจัดงานใน 2 ครั้งในห้วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีบริษัทเข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 150 บริษัท จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน จีน มาเลเซีย ไทย ฯลฯ

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net