กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--คลาสสิกโกลด์ ฟิวเจอร์ส
Price Movement
ราคาทองคำมีแนวรับที่1,630/1625 แนวต้านที่ 1,672 แนวโน้มราคาระยะยาวยังเป็นช่วงขาขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้น RSI กับ Scholastic ตัดกันที่สภาวะ overbought คาดว่าราคาจะลดลงเพิ่มอีกในอนาคต
เปิด short บริเวณแนวต้าน
ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1649 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1649-1663 USDต่อออนซ์ ราคาในช่วงคืนวันที่ 4 สค มีการทำยอดสูงสุดใหม่ที่ 1684.90 USDต่อออนซ์ แล้วปรับตัวลดลงที่ระดับ 1642.2 และปิดที่ 1659.0 USDต่อออนซ์ ประเด็นที่น่าจะมีผลต่อราคาทองในช่วงนี้ ได้แก่ สถานการณ์การบริหารหนี้ของรัฐบาลอิตาลี การที่ธนาคารกลางหลายๆประเทศเริ่มเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้น และ การที่ ECB จะดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซนอีกครั้ง
จากประเด็นเศรษฐกิจของอิตาลี นายกรัฐมนตรีซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนีของอิตาลีออกมาให้สัญญาว่า เขาจะเร่งรัดการปฏิรูปเศรษฐกิจ และเรียกร้องให้หลายฝ่ายร่วมมือกันในการรับมือกับภาวะตลาดที่ผันผวน หลังจากอาจส่งผลให้อิตาลีเผชิญกับวิกฤติการเงินในแบบเดียวกับกรีซ อย่างไรก็ดี ฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายเบอร์ลุสโคนีลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่ความสนใจมุ่งไปที่ความแตกแยกในรัฐบาลฝ่ายกลาง-ขวาของอิตาลี และความขัดแย้งระหว่างนายเบอร์ลุสโคนีกับนายจูลิโอ เตรมอนติ รมว.เศรษฐกิจอิตาลี
ธนาคารกลางของประเทศตลาดเกิดใหม่ได้ทำการซื้อทองคำเพิ่มมีมูลค่ามากกว่า1 หมื่นล้านดอลลาร์เพิ่อเป็นทุนสำรองของธนาคารกลางในปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณความเชื่อมั่นที่ปรับตัวลดลงในการถือครองพันธบัตรและสกุลเงิน ดอลลาร์และยูโร ทั้งนี้ข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) สำหรับเดือนมิ.ย.บ่งชี้ว่าไทยซื้อทองเป็นครั้งที่สองในปีนี้โดยเพิ่มการถือทองคำสำรองอีกเกือบ 19 ตันสู่ระดับสูงกว่า 127 ตัน ขณะที่รัสเซียซื้อทองอีก 5.85 ตัน ซึ่งทำให้ปริมาณทองคำสำรองอยู่ที่ 836.7 ตันซึ่งเป็นการถือครองทองคำระดับสูงสุดอันดับ 8 ของโลกนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ธนาคารกลางของประเทศตลาดเกิดใหม่ได้ซื้อทองคำไปแล้วเกือบ 180 ตัน มากกว่า 2 เท่าของปริมาณราว 73 ตันที่ซื้อโดยธนาคารกลางทั่วโลกของทั้งปี 2010
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนเปิดเผยบนเว็บไซท์ว่า การผลิตทองของจีนในปีนี้พุ่งแตะระดับ 32,394 ตันในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น12.5% จากเดือนพ.ค.กระทรวงอุตสาหกรรมระบุว่า การผลิตทองทั้งหมดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 3.25% สู่ 164.416 ตันจากปีก่อนจีนเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยผลิตทอง 340.880 ตันในปี 2010เพิ่มขึ้น 8.6% จากปี 2009 ภายหลังการประชุมเมื่อคืนวันพฤหัสบดี ECB จะดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซนอีกครั้ง หลังจากที่ได้ยุติโครงการดังกล่าวไปเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะยับยั้งการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป นอกจากนี้ ECB ยังประกาศขยายโครงการสินเชื่อระยะสั้นให้กับธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนออกไปอีก 6 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเสริมสร้างสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม ECBไม่ได้เปิดเผยแผนการเข้าซื้อพันธบัตรอิตาลีและสเปน แม้ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของอิตาลีอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของเยอรมนีก็ตาม โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.26% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542
ส่วนปัญหาเงินเฟ้อในยูโรโซน อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนที่พุ่งขึ้นถึง 2.5% ในเดือนก.ค.ทำให้ECBต้องจับตาสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงมากขึ้น การแถลงโครงการซื้อพันธบัตรของECBมีขึ้นหลังจากคณะกรรมการบริหารของอีซี บีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า (8-12 ส.ค.) มีตัวเลขได้แก่ วันจันทร์ มีดัชนีแนวโน้มการจ้างงานเดือนก.ค. วันอังคาร มีข้อมูลที่มีการปรับทบทวนสำหรับประสิทธิภาพการผลิตและ ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 2/2011 ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศมติการประชุม กำหนดอัตราดอกเบี้ย ในวันพุธ มีข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนมิ.ย. งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนก.ค. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดีมีรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย.ในวันศุกร์มียอดค้าปลีกเดือนก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนส.ค. ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำมีแนวรับที่1,630/1625 แนวต้านที่ 1,670 แนวโน้มราคาระยะยาวยังเป็นช่วงขาขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้น RSI กับ Scholastic ตัดกันที่สภาวะ overbought คาดว่าราคาจะลดลงเพิ่มอีกในอนาคต ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 38.2 และแนวต้านที่ 40.2 แนวโน้มระยะสั้นคาดว่าจะปรับตัวลดตัวลงต่อเนื่อง
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit