กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--สมาคมผู้เลี้ยงสุกรเพื่อการค้านครราชสีมา
นายวรพจน์ สัจจาวัฒนา นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรเพื่อการค้านครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศกำลังประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก เนื่องจากสุกรถูกคุมราคาให้อยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท ขณะที่ราคาต้นทุนในการเลี้ยงและผลิตจริงอยู่ที่กิโลกรัมละ 75 - 80 บาท หนำซ้ำภาระต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น ภาครัฐกลับโยนความรับผิดชอบใส่เกษตรกร โดยจะต้องเร่งขายสุกรก่อนถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อพยุงปริมาณสุกรให้สมดุลเพียงพอต่อปริมาณความต้องการของตลาด ส่งผลให้เกษตรกรต้องสูญเสียค่าเสียโอกาสการตลาดที่ควรได้รับที่ 5 - 10 กิโลกรัมต่อตัว หรือคิดเป็นมูลค่าถึง 350 - 700 บาทต่อตัว หากคำนวนจากราคาที่ถูกควบคุมที่ 70 บาทต่อกิโลกรัม จึงอยากให้ผู้บริโภคเห็นใจผู้เลี้ยงด้วย
เนื่องจากภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 เพิ่มขึ้นคิดเป็น 22-25% โดยมีสาเหตุจากผลผลิตสุกรที่ลดลงจากภาวะโรคระบาดและอากาศที่แปรปรวนดังที่ทราบ จำนวนมากถึง 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เกษตรกรผู้เลี้ยงจึงมีความจำเป็นต้องขายสุกรในขณะที่มีน้ำหนักเพียง 95-100 กิโลกรัมต่อตัว จาก 105 กิโลกรัมต่อตัวในภาวะปกติที่เหมาะสมแก่การขาย เมื่อบวกค่าเสียโอกาสฯข้างต้น จะทำให้ราคาต้นทุนจริงอยู่ที่ 75 – 80 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรผู้เลี้ยงจึงต้องอดกลั้นแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากค่าเสียโอกาสการตลาดที่ควรจะได้รับไปจำนวนไม่น้อย
นายวรพจน์ กล่าวด้วยว่า ตัวเลขภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นข้างต้น ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณสุกรที่มีน้อยไม่เพียงพอต่อการบรรจุรถใหญ่ในการขนส่ง จึงมีความจำเป็นต้องใช้รถเล็ก ซึ่งค่าใช่จ่ายไม่ต่างกัน หรือกล่าวได้ว่าขนสุกรต่อครั้งได้น้อยลงแต่ยังคงมีภาระค่าใช้จ่ายในจำนวนที่เท่าเดิม โอกาสนี้ในนามของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร โดยเฉพาะในภาคเหนือและอีสานที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ขอฝากความหวังการดูแลเกษตรกรไทยทั่วประเทศครั้งนี้ไว้กับคณะรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากต้องผิดหวังกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ที่ใช้วิธีการกดราคาสินค้า โดยไม่คำนึงถึงความอยู่รอดได้ในอาชีพของเกษตรกร.
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit