มิสเตอร์บัน วางยุทธศาสตร์ 5 ปี Transformation สู่พรีเมี่ยมแบรนด์ ชู Bunnovation- Franchise Excellence ต่อยอดความสำเร็จธุรกิจ

29 Jul 2011

กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--บ้านพีอาร์

มิสเตอร์บัน” เดินหน้าพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนธุรกิจระยะยาว 5 ปี ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2559 ตั้งเป้ายกระดับแบรนด์และตัวผลิตภัณฑ์สู่ความเป็นพรีเมี่ยม ภายใต้แนวคิด “mr.bun Transformation” มุ่งผลักดัน 2 ส่วนหลัก คือด้านผลิตภัณฑ์ โดยการเน้นพัฒนาความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมคุณภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Bunnovation ส่วนด้านการตลาด มีการเตรียมปรับแผนขยายสาขาเดินเกมพัฒนาระบบแฟรนไชส์ที่เข้มแข็ง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Franchise Excellence มั่นใจมิสเตอร์บันคืออาร์ทติสขนมปังอบอย่างแท้จริง

นายอนุสรณ์ ตันยากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัน จำกัด กล่าวถึงการกำหนดแผนกลยุทธ์ระยะยาวว่า จากการปรับแผนธุรกิจ Re-Branding 360 องศาในปี 2552 ทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2553 มีการเติบโตมากขึ้นถึง 200% จากการออกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 10 ชนิด รวมถึงการขยายสาขาเพิ่มทั่วประเทศถึง 70 สาขา นอกจากนี้ ในส่วนของการบริหารสาขา ทางบริษัทฯ ยังได้เริ่มต้นทดลองทำตลาด ในส่วนของการขายแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ของปี 2553 ที่ผ่านมา ทั้งนี้จากความสำเร็จอย่างสูงที่กล่าวมาแล้ว ทางบริษัทฯ จึงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้ธุรกิจขนมของมิสเตอร์บัน ก้าวสู่อีกขั้นของความสำเร็จทั้งในแง่ของผลประกอบการ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงช่องทางในการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนอีกด้วย ประกอบกับในปีนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปี ของการดำเนินธุรกิจมิสเตอร์บันในประเทศไทย ดังนั้น ทางทีมบริหารของบริษัทฯ ได้กำหนดแผนระยะยาว สำหรับการพัฒนาธุรกิจของมิสเตอร์บันให้เป็นไปตามเป้าหมายภายใต้แนวคิด “mr.bun Transformation”

สำหรับแผนการตลาดภายใต้แนวคิด “mr.bun Transformation” ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการมุ่งขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดขนมปังอบในประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้กำหนดแผนระยะยาวถึง 5 ปี ซึ่งแผนการนี้จะถูกนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปี 2559 ทั้งนี้ ภายใต้แนวคิดดังกล่าวทางบริษัทฯ ได้แบ่งความสำคัญในการพัฒนาธุรกิจซึ่งเป็นกุญแจไขสู่ความสำเร็จ ออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือด้านผลิตภัณฑ์ “Product Excellence” ที่จะมีการพัฒนาอย่างเด่นชัด โดยการต่อยอดจากจุดแข็งของตัวผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ มี เรียกว่าผลงานศิลปะบนแป้งขนมปัง ซึ่งสรรสร้างโดย “บันอาร์ทติส” ของบริษัทฯ สู่การเป็น “Bunnovation” ส่วนในด้านการบริหารการตลาด บริษัทฯ จะเน้นพัฒนารูปแบบการขยายสาขาสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ “Franchise Excellence” ซึ่งนอกจากมีการออกแบบการบริหารแฟรนไชส์อย่างมีระบบแล้ว ยังรวมไปถึงแผนการสนับสนุนทางด้านการตลาดเพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

นายอนุสรณ์ฯ กล่าวต่อถึงกุญแจสำคัญของแผนระยะยาวนี้ว่า ผลิตภัณฑ์ คือ ตัวชูโรงของมิสเตอร์บันมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นจากจุดแข็งของมิสเตอร์บัน ซึ่งมีความพิถีพิถันในการพัฒนาสูตร รวมถึงการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศจากนานาประเทศ จนสามารถเรียกทีมงานเบเกอรี่ของบริษัทฯ ได้ว่า “บันอาร์ทติส” หรือผู้สรรสร้างผลงานศิลปะบนแป้งขนมปัง และมิสเตอร์บันยังต้องก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงได้นำคำนิยามที่ว่า “Bunnovation” ซึ่งมาจากคำว่า “Bun” และ “Innovation” หรือเรียกง่ายๆ ว่า “นวัตกรรมใหม่ของขนมปัง” มาสร้างเป็นจุดขาย และแนวทางการผลิตผลงานขนมอบแสนอร่อยแบบใหม่ของทีมบันอาร์ทติสด้วย

จากแนวคิดดังกล่าวทางบริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาผลิตภัณฑ์เอาไว้ 4 ด้านด้วยกัน คือ 1. ความมีเอกลักษณ์ของสินค้า (Uniqueness) ซึ่งตรงจุดนี้บริษัทฯ ได้พยายามพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้อย่างครอบคลุมที่สุด โดยเริ่มต้นนั้น มิสเตอร์บันได้เข้ามาทำตลาดด้วยผลิตภัณฑ์หลักเพียงชนิดเดียวคือ เม็กซิกันบัน ซึ่งจากการศึกษาและวิเคราะห์ตลาดพบว่ากลุ่มเป้าหมาย ยังมีจำกัดอยู่ระหว่างอายุ 20 – 30 ปี ดังนั้น บริษัทฯ จึงพยายามขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนาไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่เป็น “Signature products” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิสเตอร์บัน อาทิ ขนมปังสติ๊ก เบคโก้ริง (โดนัทอบ) เพรสเซลกรอบ และครัวซองต์เนยสด ซึ่งถือเป็นสินค้าที่สามารถทำยอดจำหน่ายได้ถึง 3 ล้านชิ้นภายใน 18 เดือนหรือคิดเป็น 15% ของยอดขายรวมทุกผลิตภัณฑ์ และก้าวต่อไปของบริษัทฯ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งส่วน โดยบริษัทฯ ได้มีการร่วมมือกับเชฟระดับประเทศที่จะเข้ามาร่วมออกแบบและคิดค้นขนมปังรูปแบบใหม่ๆ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ขนมปังอบสู่ความเป็นพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น ด้านที่ 2. ด้านความเป็นมิตรกับสุขภาพ (Healthy) นอกจากขนมปังของบริษัทฯ ที่เป็นขนมปังอบสดจากเตา ทำให้ไม่มีสารตกค้างจากน้ำมันทอดซึ่งดีต่อสุขภาพอยู่แล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้ออกไลน์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพิ่มเติมคือ “Best Malt” เครื่องดื่มมอลต์สกัดที่ให้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหารมากมาย และ “Bunwich” หรือบันแซนวิช ที่เป็นการเติมเต็มคุณค่าทางอาหาร และความหลากหลายของรสชาติ ด้วยผักและเนื้อสัตว์ และยังรวมไปถึง เบคโก้ริง หรือโดนัทอบ ซึ่งเป็นโดนัทที่ไม่ได้ใช้น้ำมันในการทอดเพื่อหลีกเลี่ยงจากไขมันอิ่มตัวหรือ Transfat

ด้านที่ 3. ความคุ้มค่าและหลากหลาย (Value and Variety) ในจุดนี้บริษัทฯ ยังคงก้าวเดินบนนโยบายเดิม คือเป็นขนมปังอบราคาไม่แพง แต่อุดมไปด้วยคุณภาพและความหลากหลายทั้งในรูปแบบและรสชาติ ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มต้นทำตลาด จนถึงปัจจุบันมิสเตอร์บันมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกถึง 27 ชนิด และแน่นอนว่าจะยังคงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และด้านที่ 4. การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ (Quality) ตลอดมามิสเตอร์บันใส่ใจต่อการคัดเลือกวัตถุดิบที่จะมาทำขนมปังอย่างมากเพื่อให้ได้มาซึ่งขนมปังที่มีคุณภาพและรสชาติเป็นเยี่ยม อาทิ ใช้แป้งจาก UFM ที่มีมาตรฐานจากอเมริกา ช็อคโกแลต Puratos จากเบลเยี่ยม เนย Anchor จากนิวซีแลนด์ ฯลฯ จากแผนดังกล่าวทางบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์ ที่จะวางตลาดจากปัจจุบันที่มี 2 ส่วนคือ Core Product และ Signature Products เพิ่มเติมอีกหนึ่งส่วนคือ Premium Product ตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 2559 ในอัตราส่วน 50:30:20 ตามลำดับ โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถทำให้ผู้บริโภครู้จักและยอมรับในตัวผลิตภัณฑ์ของมิสเตอร์บันได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านการตลาด บริษัทฯได้พัฒนารูปแบบการขยายสาขาสู่การขายแฟรนไชส์ “Franchise Excellence” โดยจากการเริ่มต้นทำตลาดแฟรนไชส์เมื่อไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 ทำให้บริษัทฯ มองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจอย่างมีระบบและยั่งยืน ดังนั้นก้าวต่อไปจึงหันมาให้ความสำคัญกับตลาดแฟรนไชส์เป็นพิเศษ โดยบริษัทฯ พยายามออกแบบการบริหารแฟรนไชส์อย่างมีระบบ โดยมีรูปแบบการลุงทุนให้นักลงทุนเลือก 2 แบบ ได้แก่ แฮปปี้แฟรนไชส์ (Happy Franchise) และ แฟรนไชส์อิ่มอร่อย (Yummy Franchise)

โดยแฮปปี้แฟรนไชส์ จะเป็นรูปแบบการลงทุนสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ ซึ่งใช้เงินลงทุนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ จะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการในหลายๆ ส่วน อาทิ การอบรมการบริหาร และการสนับสนุนด้านพนักงานประจำร้าน เป็นต้น ซึ่งระยะเวลาคืนทุนจะอยู่ที่ประมาณ 8 – 15 เดือน ส่วนแฟรนไชส์อิ่มอร่อย จะเหมาะสมกับผู้ที่มีประสบการณ์ทำธุรกิจมาระยะหนึ่งแล้ว ใช้เงินลงทุน ประมาณ 1 – 2 ล้านบาท พร้อมค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์อีก 300,000 บาท (3 ปี) และค่าโลยัลตี้ฟี (Royalty Fee) อีก 5% ของยอดขายรายเดือน โดยแฟรนไชส์แบบนี้จะมีระยะเวลาคืนทุนสั้นลงคือประมาณ 6 – 12 เดือน

“เรามีความมุ่งมั่น ที่จะสร้างผู้ประกอบการ ให้ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศไทย” นายอนุสรณ์ประกาศ

โดยนายอนุสรณ์ กล่าวเผยต่อว่า บริษัทฯ ได้จัดเตรียมแผนการพัฒนาแฟรนไชส์ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดอบรม ด้านการบริการและการผลิตให้แก่พนักงาน รวมถึงการอบรมด้านบริหารธุรกิจให้แก่เจ้าของกิจการ พร้อมกันนั้นยังได้จัดทีมที่ปรึกษาทางโทรศัพท์หรือ Call Center ที่จะคอยให้คำปรึกษาด้านธุรกิจให้แก่ลูกค้าแฟรนไชส์ในทุกๆ ด้านตลอดเวลา นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังทำหน้าที่วางแผนกิจกรรมสนับสนุนการตลาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย หรือ ระบบสมาชิกสะสมแต้มคืนกำไร เพื่อผลักดันยอดขายให้แก่แฟรนไชส์ของมิสเตอร์บันอย่างต่อเนื่อง

จากแผนการตลาดที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าจะขยายสาขาให้ครบจำนวน 100 สาขาภายในปี 2554 และต่อเนื่องไปถึงปี 2559 มิสเตอร์บันต้องการปรับสัดส่วนระหว่างสาขาของบริษัทฯ และกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งปัจจุบัน อัตราส่วนของสาขาคือ บริษัท 85% : แฟรนไชส์ 25% ซึ่งบริษัทฯ จะหันไปเน้นความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าแฟรนไชส์เพิ่มขึ้น โดยการปรับอัตราส่วนของสาขาเป็น บริษัท 20% และแฟรนไชส์ 80% โดยตั้งเป้าไว้ภายใน 5 ปี ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจากแผนการพัฒนาทั้งในส่วนผลิตภัณฑ์และการพัฒนาแฟรนไชส์จะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันธุรกิจของมิสเตอร์บันให้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดขนมปังในประเทศไทยได้ ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้อย่างแน่นอน ?

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 022929383 บ้านพีอาร์

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit